503 Bad Gateway คืออะไร? แก้ไขอย่างไรถ้าต้องเจอ

21 April 2025
Table of contents

ในโลกที่อินเทอร์เน็ตครอบคลุมทั่วทั้งโลก แต่ปัญหาในการใช้งาน ระบบ IT ที่ทำให้ความลื่นไหลต้องสะดุดที่พบบ่อยก็คือปัญหากดเข้าเว็บแล้วพบกับข้อความ “503 Bad Gateway” ที่สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจ ทั้งยังเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาในการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์เกิดขึ้น ทั้งยังเป็นปัญหาที่ทำให้เว็บของเรามีโอกาสถูกลดอันดับ SEO ได้ด้วย ต้องแก้ไขอย่างไร IT Services ช่วยแก้ได้ไหม บทความนี้มีคำตอบ

ปัญหา 503 Bad Gateway คืออะไร ? เกิดจากสาเหตุใด ?

ข้อความแสดง 503 Bad Gateway ที่เกิดขึ้นเมื่อเราคลิกเข้าหน้าเว็บเป็นรหัสสถานะ HTTP ที่แสดงว่าเซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถตอบสนองต่อคำขอได้ชั่วคราว เป็นปัญหาทาง ระบบ IT จึงขึ้นข้อความนี้เตือนให้ทราบว่ามีข้อผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์เกิดขึ้น ซึ่งมีที่มาจากหลากหลายสาเหตุ 

โดยสาเหตุหลัก ๆ ทั่วไปที่พบบ่อยมักมาจากระบบ IT ขัดข้อง ดังนี้

  • เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักเกินไปจนล่ม หรือเกิดปัญหาอื่น ๆ
  • ผู้ดูแลระบบ IT Services อาจกำลังปิดปรับปรุง หรือบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์
  • เกิดปัญหาจากเครือข่ายโดยตรง
  • ปัญหาจากระบบชื่อโดเมน (DNS) ทำให้เบราว์เซอร์หาเว็บไซต์ที่ถูกต้องไม่เจอ
  • ปัญหาจากการตั้งค่า Firewall
  • ปัญหาจากเบราว์เซอร์ที่ใช้งานล้าสมัย หรือไม่เหมาะกับรูปแบบหน้าเว็บ เป็นต้น

วิธีแก้ไข 503 Bad Gateway

สำหรับการแก้ไขปัญหา 503 Bad Gateway นั้น จะต้องแก้ไขโดยผู้ดูและระบบ IT หรือ IT Services ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เพื่อให้เว็บไซต์ของเรากลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและแสดงผลได้อย่างถูกต้องอีกครั้งในระยะเวลาอันรวดเร็ว พร้อมต่อการใช้งานของ Users อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด แต่สำหรับผู้ใช้งานที่พบปัญหา 503 Bad Gateway สามารถแก้ไขด้วยตัวเองด้วยวิธีเบื้องต้น ดังนี้เลย

  • รีเฟรช (Refresh) หน้าเว็บไซต์
  • ตรวจสอบสถานะการใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือการทำงานขอระบบ IT
  • เคลียร์แคชและคุกกี้ของเบราว์เซอร์
  • เปลี่ยนเบราว์เซอร์ในการเข้าใช้งาน
  • Restart เครื่องคอมพิวเตอร์หรือ Router
  • ตรวจสอบที่อยู่เว็บไซต์ (DNS) ว่าใส่ข้อมูลถูกต้องแล้วหรือไม่ มักแสดงคำว่า “Service Unavailable – DNS Failure” 
  • ลองเข้าเว็บไซต์ใหม่ในภายหลัง

503 Bad Gateway ผลกระทบต่อระบบ IT Network

ปัญหา 503 Bad Gateway สร้างผลกระทบได้อย่างไรบ้าง

การเกิดปัญหาระบบ IT Network อย่าง 503 Bad Gateway นอกจากสร้างความรำคาญใจในการเข้าใช้งาน ทำให้การเชื่อมต่อต้องสะดุดแล้ว ยังส่งผลกระทบมากกว่าด้านความรู้สึก เพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายทางการค้า การให้บริการออนไลน์ หรือส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องและสร้างความเสียหายทางมูลค่าการลงทุนได้ 

1.ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน 

อันดับแรกคือการส่งผลกระทบต่ออารมณ์และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน เมื่อคลิกเข้าหน้าเว็บไซต์แล้วพบว่าเว็บไม่พร้อมใช้งาน มีปัญหา ทำให้ความต้องการสะดุด เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ User Experience ติดลบ ความประทับใจแรกต่อแบรนด์หรือธุรกิจถูกหักคะแนน ความน่าเชื่อถือลดลง

2.ผลกระทบต่อเจ้าของเว็บไซต์

เพราะปัญหาจากระบบ IT Network ของเว็บไซต์ สามารถส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ SEO ซึ่งสามารถกระทบต่อการเข้าถึงลูกค้า การมองเห็นที่ลดลง เพราะ Search Engine จะมองว่าเว็บไซต์ของเรามีความไม่สมบูรณ์ ทำให้ถูกลดคะแนน SEO ลง ส่งผลเสียต่อการค้า การแข่งขันทางธุรกิจ เจ้าของเว็บไซต์เกิดความเสียหายทางมูลค่าการลงทุนที่หายไปเพราะ 503 Bad Gateway 

3.ผลกระทบต่อบริการออนไลน์ 

สำหรับเว็บไซต์ที่มีลักษณ์เป็นบริการออนไลน์ การเกิดปัญหา 503 Bad Gateway ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการ Booking Online หรือการขายสินค้าแบบออนไลน์ที่ต้องอาศัยความลื่นไหลของระบบ IT Network ในการให้บริการอย่างสูง ควรจะต้องมีทีม IT Services เพื่อคอยดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที เพราะแต่ละนาทีที่หน้าเว็บหายไปคือการขาดโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจด้วย

 

สรุป 

จะเห็นได้ว่าปัญหา IT Network อย่าง 503 Bad Gateway นั้น ส่งผลกระทบมากกว่าแค่ความรำคาญใจและความไม่สะดวกต่อการใช้งานเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการให้บริการของธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องใช้ช่องทาง Online เป็นหลักด้วย ทั้งยังส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ ทำให้สูญเสียมูลค่าทางธุรกิจ ส่งผลกระทบใหญ่กว่าที่คิด ควรป้องกันและแก้ไขทันที เช่น การเลือกใช้บริการ IT Service เป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ 

FAQ 

503 Bad Gateway แตกต่างจาก 502 Bad Gateway อย่างไร

สำหรับ 503 Bad Gateway ปัญหาหลักจะมาจากการที่เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถให้บริการได้ชั่วคราว เช่น เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักเกินไป ทีม IT Services กำลังบำรุงรักษาระบบ หรือปัญหา DNS 

ขณะที่ 502 Bad Gateway จะมีปัญหาหลักมาจากการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ “ต้นทาง” กับเซิร์ฟเวอร์ “ปลายทาง”  เช่น กำหนดค่า Proxy หรือ Gateway ที่ไม่ถูกต้อง เซิร์ฟเวอร์ต้นทางทำงานล้มเหลวหรือหยุดทำงาน รอโหลดนานเกินไป เป็นต้น

 

ป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิด 503 Bad Gateway

เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา 503 Bad Gateway ในระบบ IT Network ได้ด้วยวิธีดังนี้

  • ตรวจสอบและอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ
  • ตรวจสอบการใช้งาน CPU, RAM และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของเซิร์ฟเวอร์
  • กำหนดตารางการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์
  • จัดการปริมาณการใช้งาน เช่น การใช้ Content Delivery Network (CDN) การปรับขนาดเซิร์ฟเวอร์ และการจัดการการโจมตี DDoS

 

หากทำตามวิธีแก้ไขแล้วยังไม่หาย ควรทำอย่างไร 

หากลองทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้วยังเกิดปัญหา 503 Bad Gateway อยู่ แนะนำให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ดูแลระบบ IT หรือผู้ดูแลเว็บไซต์ IT Service เพื่อดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่อาจมีความซับซ้อนมากกว่าปัญหาทั่วไป รวมถึงเลือกผู้ให้บริการติดตั้งระบบ IT ที่มีคุณภาพ