ในยุคดิจิทัลที่ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงกันด้วยระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่การสื่อสารห้ามสะดุด ก็ต้องเลือกใช้ระบบไอทีคุณภาพเยี่ยมในการเชื่อมต่อให้เหมาะสมกับการใช้งานที่สุด ซึ่งในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็น Ethernet หรือ Wi-Fi ทั้งสองอย่างก็เป็นตัวช่วยเชื่อมต่อสู่โลกออนไลน์ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ แต่จะเลือกใช้อะไรกันแน่ถึงจะดี? มาหาคำตอบกันในบทความนี้ที่จะช่วยไขข้อสงสัยไม่ให้คุณพลาดทุกการสื่อสารบนโลกออนไลน์
ทำความรู้จักกับ Ethernet และ Wi-Fi
สำหรับธุรกิจ องค์กร หรือแม้แต่จะเป็นที่อยู่อาศัย การเริ่มติดตั้งระบบไอทีก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ในปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้ Ethernet และ Wi-Fi ก็ต้องมารู้จักทั้งสองอย่างให้ดีก่อนเลือกกันก่อน
Ethernet คืออะไร?
มาเริ่มกันที่ ‘Ethernet’ ซึ่งก็คือเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ใช้ระบบแลน หรือ การเดินสาย LAN ในการรับส่งข้อมูล ซึ่งระบบแลนนี้มักจะนิยมใช้งานภายในสำนักงานและศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ประเภทของสายแลนที่ใช้จะเป็นสาย CAT5, CAT6 หรือสาย Fiber Optic เพื่อการเชื่อมต่อให้เกิดความรวดเร็วและเสถียรที่สุด
ด้วยความที่ Ethernet มีจุดเด่นอย่างความเร็วสูงและมีความเสถียรสามารถป้องกันการรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ดี ยิ่งเหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การวางระบบไอทีในสำนักงานหรือธุรกิจที่ต้องการเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีความเสถียรสูงในการส่งผ่านข้อมูล นอกจากนี้ยังต้องการการเชื่อมต่อแบบต่อเนื่องไม่มีสะดุดอีกด้วย
Wi-Fi คืออะไร?
ส่วน Wi-Fi นั้นก็คือเทคโนโลยีเครือข่ายในรูปแบบไร้สายที่จะเข้ามาช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องใช้สายต่อไปมาให้ยุ่งยาก เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่หลากหลาย เช่น บ้าน ร้านกาแฟ หรือพื้นที่สาธารณะ โดยการวางระบบ Wifi ทำได้ง่ายกว่าและไม่ยุ่งยากเท่าระบบแลน เพียงแค่มี Router หรือ Access Point ก็พอแล้ว
ซึ่งความสะดวกและความยืดหยุ่นของระบบ Wi-Fi ที่สามารถใช้งานได้ทุกที่โดยไม่ต้องพึ่งสายเคเบิลก็ได้กลายเป็นจุดเด่นที่ใครต่อใครเลือกใช้มากกว่าระบบแลน เพราะตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเคลื่อนที่อุปกรณ์ต่างๆ ไปมาระหว่างการใช้งาน แต่ในทางกลับกันจะเหมาะกับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วสูงมาก
เปรียบเทียบ Ethernet กับ Wi-Fi
จากที่ได้ทำความรู้จัก Ethernet กับ Wi-Fi ว่าคืออะไรกันไปแล้ว ลองมาเปรียบเทียบทั้งสองให้เห็นภาพในแต่ละด้านกันอีกสักหน่อยดีกว่า
1. ด้านความเร็ว
Ethernet : ต้องยอมรับว่าด้านความเร็วของระบบแลนมีมากกว่า ซึ่งจะเหมาะกับงานที่ต้องการ Bandwidth สูง ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่หรือการถ่ายโอนไฟล์ที่ต้องการความรวดเร็วและต่อเนื่อง
Wi-Fi : ถึงแม้จะมีความเร็วต่ำกว่า แต่ก็ไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยี Wi-Fi เช่น Wi-Fi 6 และ Wi-Fi 6E ที่สามารถรองรับการใช้งานเมื่อต้องการความเร็วสูงมากขึ้นกว่าเดิมประมาณหนึ่ง
2. ด้านความเสถียร
Ethernet : ความเร็วก็ต้องมาคู่กับความเสถียร ซึ่งระบบแลนสามารถแสดงความสามารถของทั้งสองข้อนี้ได้ดีกว่า หลักๆ เพราะไม่ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอก เช่น คลื่นวิทยุหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จึงทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการเชื่อมต่อที่ต่อเนื่องและไม่มีสะดุด เช่น การสตรีมวิดีโอคุณภาพสูงหรือการประชุมออนไลน์แบบเรียลไทม์
Wi-Fi : แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ Wi-Fi แล้วนั้นความเสถียรอาจมีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์อื่นๆ หรือแม้กระทั่งการวางระบบ Wifi ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผนังและสิ่งกีดขวางตัวลดทอนความแรงของการส่งสัญญาณ ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
3. การติดตั้ง
Ethernet : การติดตั้งระบบแลนอาจยุ่งยากในบางพื้นที่ โดยเฉพาะการเดินสายในอาคารขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเจาะผนังได้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวเมื่อเทียบกับความเสถียรและประสิทธิภาพที่ได้กลับมาให้ใช้งานแล้ว
Wi-Fi : แน่นอนว่าการวางระบบ Wifi นั้นง่ายและไม่ต้องเดินสายเคเบิล ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความสะดวก ทำได้โดยไม่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญ และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสัญญาณด้วยอุปกรณ์อื่น เช่น Repeater หรือ Mesh Wi-Fi เพื่อขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ด้านการเคลื่อนที่
Ethernet : อย่างที่รู้ๆ กันว่าถ้าต้องใช้งานผ่านสายแลนก็จะถูกจำกัดพื้นที่การเคลื่อนย้าย เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องเชื่อมต่ออยู่กับเครือข่ายตลอดเวลา
Wi-Fi : ด้านนี้ขอยกคะแนนให้ Wi-Fi เต็มร้อย เพราะ Wi-Fi มีความยืดหยุ่นและอิสระในการเคลื่อนที่ขณะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายในระยะที่สัญญาณครอบคลุมที่ได้วางระบบ Wifi ไว้ โดยเฉพาะการใช้งานผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น แล็ปท็อป สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต
5. ด้านความปลอดภัย
Ethernet : ถ้าพูดถึงความปลอดภัยสูงก็ต้องระบบแลน เพราะเป็นการเชื่อมต่อแบบมีสายซึ่งข้อมูลจะถูกส่งผ่านสายเคเบิลที่เข้าถึงได้ยากกว่ามาก นอกจากนี้ยังลดโอกาสของการถูกดักจับข้อมูลหรือแฮกเข้ามาในระบบได้ด้วย
Wi-Fi : ความปลอดภัยอาจจะยังไม่ดีเท่าระบบแลน แต่ก็ยังสามารถป้องกันได้ด้วยการตั้งรหัสผ่านเข้าใช้งานที่ซับซ้อน การเข้ารหัสข้อมูล และการอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ Router อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้การตั้งค่าการกรอง MAC Address หรือใช้ VPN ขณะเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ก็จะช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยได้มากขึ้นกว่าเดิม
เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม
ทั้ง Ethernet และ Wi-Fi เองก็มีลักษณะโดดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะเลือกระบบแลน หรือ จะวางระบบ Wifi ก็ควรพิจารณาให้ดีเสียก่อน
กรณีที่เหมาะกับ Ethernet
ระบบแลนเหมาะแน่นอนกับบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียรและไม่มีการสะดุด เพราะสายแลนช่วยให้การรับส่งข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงอย่างการสตรีมมิงวิดีโอความละเอียดสูง หรือต้องใช้เซิร์ฟเวอร์สำหรับงานความละเอียดสูง นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องการลดปัญหาสัญญาณรบกวนที่อาจเกิดขึ้นจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยรอบ แถมยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาวอีกด้วย
กรณีที่เหมาะกับ Wi-Fi
ถ้าคุณมองหาความสะดวกและยืดหยุ่นในการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ต้องเลือก Wi-Fi ทั้งง่ายตั้งแต่เริ่มไม่ว่าจะเป็นการวางระบบ Wifi ที่ไม่ต้องมีการเดินสายเคเบิลให้ยุ่งยาก เพียงแค่ตั้งค่า Router หรือ Access Point ในตำแหน่งที่เหมาะสม ก็สามารถใช้ Wi-Fi เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้จากทุกมุมของพื้นที่ที่ Wi-Fi ครอบคลุม นอกจากการใช้งานที่คล่องตัวก็ยังเหมาะกับการใช้งานที่ไม่ต้องการความเร็วสูงเท่าไร เช่น การใช้งานผ่านแล็ปท็อปหรือสมาร์ตโฟนเพิ่มความสะดวกในชีวิตประจำวันให้ดีขึ้น
การวางระบบเครือข่ายที่ดี
ถึงแม้ว่าทั้ง Ethernet และ Wi-Fi จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันก็ตาม แต่สำหรับการวางระบบเครือข่ายที่ดีควรผสมผสานระหว่างระบบแลนและวางระบบ Wifi เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบแลนสำหรับงานที่ต้องการความเสถียรสูง และวางระบบ Wifi เพื่อใช้ในพื้นที่ที่ต้องการความสะดวก
นอกจากนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการวางระบบ Wifi ให้มีประสิทธิภาพก็คือ การเลือกตำแหน่ง Access Point ที่เหมาะสม และการใช้เทคโนโลยี Mesh Wi-Fi เพื่อขยายสัญญาณ พร้อมกับการตั้งค่าความปลอดภัยของเครือข่ายเพื่อป้องกันการแฮกที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
สรุป
Ethernet และ Wi-Fi มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้ก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและความต้องการของผู้ใช้งานเป็นหลัก โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ต้องการความเสถียรที่ควรเลือกใช้ระบบแลน ส่วนพื้นที่ที่ต้องการความยืดหยุ่นควรใช้ Wi-Fi แต่ถึงอย่างนั้นการวางระบบไอทีที่ดีก็ควรผสมผสานการใช้งานของทั้งสองรูปแบบเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
FAQ
Wi-Fi 6 ดีกว่า Ethernet หรือไม่?
- ถ้าจะให้พูดตามตรงถึงแม้ว่าเทคโนโลยีอย่าง Wi-Fi 6 จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเร็วขึ้นและเสถียรกว่า Wi-Fi รุ่นอื่นๆ ก็ตาม แต่ระบบแลนก็ยังเหนือกว่าทั้งเรื่องความเร็วและความเสถียรในระยะยาวอยู่ดี
ทำไมบางครั้ง Wi-Fi ช้ากว่า Ethernet มาก?
- อาจเป็นเพราะสัญญาณที่ถูกรบกวนจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น กำแพงหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ทำให้สัญญาณอ่อนลดน้อยลง นอกจากนี้ก็ความหนาแน่นของผู้ใช้งานในพื้นที่เดียวกันก็มีส่วนทำให้ Wi-Fi ช้าลงด้วย เมื่อเทียบกับระบบแลนที่ไม่มีปัญหาเรื่องความเร็วเพราะเชื่อมต่อสายโดยตรง แถมยังไม่มีปัญหาการรบกวนจากภายนอกอีกด้วย
ควรเลือกใช้ Ethernet หรือ Wi-Fi ในสำนักงานขนาดเล็ก?
- ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหนการเลือกติดตั้งก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานเป็นหลัก ถ้าถึงแม้สำนักงานจะเป็นขนาดเล็กแต่ต้องการความเสถียรและความเร็วที่ดีที่สุดก็ต้องใช้ระบบแลนถึงจะเหมาะสม หรือถ้าเป็นสำนักงานขนาดเล็กมีพื้นที่จำกัดและไม่สะดวกต่อการเดินสาย การวางระบบ Wifi ก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน
เฮลโลไพน์ (Hellopine) เราคือที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่ให้บริการโซลูชันไอทีครบวงจรสำหรับบ้านพักอาศัย สำนักงาน โรงงาน โรงแรม และ รีสอร์ต หากคุณต้องการคำแนะนำด้าน วางระบบ IT Network สำหรับองค์กร หรือบริการทางไอทีอื่น ๆ ติดต่อ Hellopine เพื่อรับคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ โทร 02-100-5073 หรือทางเว็บไซต์ www.hellopine.com