ในทุกๆ ปีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของโลกถือว่าก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้นำด้านระบบ IT ห้ามหยุดตามเทรนด์เทคโนโลยีโดยเด็ดขาด! ไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะเทรนด์ในปี 2025 ที่ Gartner ได้เปิดเผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกไอทีอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเทรนด์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยพัฒนาธุรกิจ แต่ยังเปิดโอกาสในทุกด้าน IT ทั้งการวางระบบ IT หรือ IT Network สู่การปฏิรูประบบไอทีในองค์กรให้ดีกว่าเดิม มาเริ่มต้นทำความรู้จักกันเลย!
10 เทรนด์เทคโนโลยี โดย Gartner
ทั้ง 10 เทรนด์ด้านระบบ IT ที่กำลังจะกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของหลายๆ ธุรกิจนั้น สามารถแบ่งออกเป็นเทรนด์ 3 ธีมเทคโนโลยี อันดับแรกคงจะหนีไม่พ้นเทคโนโลยีที่เริ่มถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้นอย่างแน่นอนในปีนี้อย่าง ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือธีม AI imperatives and risks ความจำเป็นและความเสี่ยงของ AI ที่จะเข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตของมนุษย์ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน ธีมเทรนด์ลำดับที่สองได้แก่ ‘Computing evolution’ การพัฒนาด้านคอมพิวเตอร์ที่ก้าวล้ำกว่าที่เคยเป็นมาจะช่วยตอบสนองการวางระบบ IT ได้มากขึ้น สุดท้ายธีมเทรนด์อย่าง ‘Human-machine synergy’ การผนวกความสามารถเข้าด้วยกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรที่สมจริงยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมเปิดโลกเทคโนโลยีนำมาเพิ่มประสิทธิภาพแล้วก็มาลุยกันเลย!
AI imperatives and risks
เทคโนโลยี AI ยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญให้โลกไอทีก้าวไปข้างหน้าแบบไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ AI ไม่ได้ทำแค่เป็นตัวประมวลผลข้อมูลเท่านั้น แต่ยังช่วยวางกลยุทธ์และปรับปรุงการทำงานให้เป็นระบบมากกว่าเดิม จนกลายเป็นกำลังหลักช่วยธุรกิจหรือองค์กรในการจัดวางระบบ IT และ IT Network ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. Agentic AI: ผู้ช่วยอัจฉริยะ คิด วางแผน พร้อมทำงานแทนคุณได้ทุกขั้นตอน
Agentic AI ไม่ใช่แค่ AI ที่ทำงานตามคำสั่งอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจแทนมนุษย์ได้ในหลายสถานการณ์ เช่น การจัดการโปรเจกต์ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ไปจนถึงการปรับแต่งระบบ IT Network ให้เหมาะสมที่สุด เทคโนโลยีนี้จึงช่วยลดภาระงานที่มีความซับซ้อนและลดระยะเวลาการทำงานให้มนุษย์สามารถนำเวลาที่ได้มากขึ้นนี้ ไปใช้กับการพัฒนาไอเดียใหม่ๆ แทนได้
2. AI Governance Platforms: ใช้ AI อย่างปลอดภัยและโปร่งใส
AI Governance Platforms ระบบที่เข้ามาช่วยควบคุมดูแลให้การใช้งาน AI มีความปลอดภัย ตรวจสอบได้และเที่ยงตรง โดยองค์กรสามารถใช้ระบบนี้ในการตรวจสอบการทำงานของ AI ว่าปฏิบัติตามนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่? นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูลในระบบ IT และป้องกันการตัดสินใจที่ผิดพลาดจนนำไปสู่ความไม่ยุติธรรมในกระบวนการต่างๆ ได้เช่นกัน
3. Disinformation Security: ลดการโดนแฮก ปกป้องข้อมูลจากการโกง
เมื่อโลก IT Network ที่ทุกคนเข้าถึงกันได้ง่ายขึ้น การหลอกลวงออนไลน์และการกระจายข้อมูลเท็จจึงมีเพิ่มมากขึ้นไปด้วย ดังนั้น Disinformation Security จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญที่จะมาช่วยป้องกันภัยอันตรายทางไซเบอร์ ตั้งแต่การตรวจจับและป้องกันข่าวปลอม ไปจนถึงการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต ขอบอกเลยว่าเจ้าของธุรกิจห้ามพลาดเทคโนโลยีนี้เด็ดขาด เพราะ Disinformation Security จะสามารถช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจคุณและลูกค้าที่เป็นผู้ใช้งานระบบ IT ได้เป็นอย่างดี
Computing evolution
สายไอทีเตรียมเกาะเทรนด์นี้ได้เลย! เพราะ Computing evolution จะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของคอมพิวเตอร์อย่างเดียว แต่จะล้ำหน้าทั้งด้านความเร็ว ความยั่งยืน หรือความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมาย ช่วยในการวางระบบ IT ที่ตอบโจทย์ทุกการทำงานของธุรกิจเล็กใหญ่ให้ประสิทธิภาพการทำงานได้แข็งแกร่งขึ้นแน่นอน
4. Post-Quantum Cryptography (PQC): ระบบป้องกันข้อมูลจากการแฮกด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัม
Post-Quantum Cryptography เป็นการพัฒนาระบบการเข้ารหัสที่สามารถป้องกันการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม ซึ่งมีศักยภาพในการถอดรหัสข้อมูลสำคัญในเวลาอันสั้น นอกจากนี้การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในระบบ IT Network จะยิ่งช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญ อย่างข้อมูลทางการเงินและสุขภาพให้ปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ในอนาคต
5. Ambient Invisible Intelligence: เทคโนโลยีที่เนียนไปกับชีวิตประจำวัน
Ambient Intelligence คือการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ามาในชีวิตประจำวันได้อย่างกลมกลืน เช่น เซ็นเซอร์ IoT และ AI ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยให้ระบบ IT รองรับและตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละวันได้แบบอัตโนมัติ อย่างการปรับแสงไฟหรืออุณหภูมิในสำนักงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการใช้ชีวิตของพนักงานโดยไม่ต้องเสียเวลาทำเองด้วยมือ
6. Energy-efficient Computing: เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่ลดการใช้พลังงาน
พลังงานกลายเป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์พยายามจะสร้างขึ้นและรักษาให้อยู่อย่างยั่งยืน Energy-efficient Computing จึงถูกนำมาใช้ในการพัฒนาอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ให้ใช้พลังงานน้อยลงแต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ ส่วนใหญ่มักจะใช้ในการวางระบบ IT ที่ช่วยประหยัดพลังงานกลายเป็นการลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และยังตอบสนองความต้องการขององค์กรที่มองหาความยั่งยืนและคุ้มค่าที่สุดในยุคปัจจุบัน
7. Hybrid Computing: การผสมผสานระหว่างระบบคอมพิวเตอร์หลากหลายรูปแบบ
ในด้านของธุรกิจการใช้งาน Hybrid Computing ที่เป็นแนวทางผสานการทำงานของ Cloud Computing และ Edge Computing เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ระบบ IT มีการประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น แต่ด้วยความซับซ้อนจากการผสานกันของสองรูปแบบก็ยังคงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของนักพัฒนาเฉพาะทางที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจ
Human-machine synergy
มาถึงธีมเทรนด์เทคโนโลยีสุดท้ายที่ผสานความสามารถของมนุษย์และเครื่องจักรเข้าด้วยกัน จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญในอนาคตที่เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพและเปิดโอกาสใหม่ในหลากหลายด้านของ IT Network
8. Spatial Computing: โลกเสมือนที่สัมผัสได้
Spatial Computing เป็นการเชื่อมโยงโลกดิจิทัลเข้ากับโลกของความเป็นจริง เช่น การวางระบบ IT ด้วยการใช้เทคโนโลยี AR และ VR เข้ามาสร้างประสบการณ์ที่สมจริงให้แก่เหล่าผู้ใช้งาน ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถนำมาใช้ได้หลายแง่ เช่น การฝึกอบรมพนักงานแบบเสมือนจริงเพื่อลดต้นทุนการจัดงานหรือสถานที่ การออกแบบผลิตภัณฑ์แบบเสมือนที่ง่ายต่อการปรับแต่งเพื่อลดความเสี่ยงในการผลิตพลาด หรือการจำลองสถานการณ์การทำงานของระบบ IT ก่อนการติดตั้งจริงเพื่อดูความเหมาะสมและความคุ้มค่า
9. Polyfunctional Robots: หุ่นยนต์สารพัดประโยชน์
หุ่นยนต์ยุคใหม่ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใช้งานในหลายแง่ซึ่งจะไม่ได้จำกัดแค่การทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมอีกต่อไป แต่ยังสามารถนำมาประยุกต์ในการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น เช่น การดูแลบ้านหรือการตรวจสอบระบบ IT Network เรียกได้ว่าเป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะที่สามารถปรับตัวและทำงานได้อย่างหลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยลดต้นทุนและใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน
10. Neurological Enhancement: เทคโนโลยีที่ช่วยพัฒนาสมองให้เราเรียนรู้ได้ไวขึ้น
เทรนด์สุดท้ายกับ Neurological Enhancement เทคโนโลยีที่ผสาน AI กับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์สมอง ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์ เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช่วยฝึกสมองในด้านความจำหรือการแก้ปัญหา เทคโนโลยีนี้อาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในอนาคตสำหรับการพัฒนาทักษะในสายงานไอที
สรุป
เมื่อโลกที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนทำให้เหล่านักพัฒนาระบบ IT ต้องทำความเข้าใจและปรับตัวตามเทรนด์เทคโนโลยีเหล่านี้ทุกปี เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การวางระบบ IT ให้ล้อไปกับเทรนด์ปัจจุบันจะช่วยเพิ่มโอกาสความก้าวหน้าทางธุรกิจ และลดความเสี่ยงจากการทำงานที่ผิดพลาดในอนาคต ดังนั้นเทคโนโลยีไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ให้อยู่อาศัยอย่างสุขสบายมากขึ้นด้วย
FAQ
เทคโนโลยีใดที่จะมีบทบาทสำคัญในธุรกิจในปี 2025?
ทุกเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในหลายๆ แง่มุม แต่ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือระบบคลาวด์และการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน ซึ่งคลาวด์จะเข้ามาช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเข้าถึงได้ง่าย ในอีกนัยหนึ่งการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับคลาวด์จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและการคาดการณ์แนวโน้มอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
ความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความสำคัญแค่ไหนในปี 2025?
แน่นอนว่าความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ถูกเพิ่มความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี เพราะด้วยปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในระบบ IT Network ที่อาจจะเจอภัยคุกคามที่ซับซ้อน จนส่งผลให้เหล่าเจ้าของธุรกิจต้องลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ที่กลายเป็นความเสียหายทั้งด้านการเงินและความน่าเชื่อถือจากลูกค้า
5G จะมีผลต่อการทำงานของธุรกิจอย่างไร?
5G ได้เข้ามาช่วยยกระดับการทำงานของธุรกิจในทุกด้าน โดยเฉพาะกระบวนการทำงานแบบออนไลน์ที่จะช่วยให้การเชื่อมต่อในระบบ IT Network ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าในช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ 5G ยังเป็นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เช่น หุ่นยนต์และการประมวลผลข้อมูลผ่าน AR/VR ในการชอปปิงออนไลน์อีกด้วย