เทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้เปลี่ยนโลกนวัตกรรมทุกด้านไปสิ้นเชิง! ส่งผลให้ธุรกิจ SMEs และองค์กรขนาดใหญ่เริ่มนำระบบไอทีแบบใหม่มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและบริการลูกค้า ทั้งระบบ Cloud Computing, Virtualization และ Cybersecurity จึงมีบริการ IT Outsource ช่วยจัดการระบบ IT ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ต้องลงทุนมาก แต่จะเลือก IT Outsource ให้เหมาะกับธุรกิจอย่างไรมาเริ่มกันเลย
การเติบโตของ Cloud Computing และผลกระทบต่อ IT Outsource
ระบบ Cloud Computing ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของการพัฒนาธุรกิจในยุคที่ IT Network ก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถที่จะคอยช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของการทำงานให้กับเหล่าธุรกิจทุกขนาด เพราะแต่ละประเภทธุรกิจสามารถเลือกใช้บริการคลาวด์ที่หลากหลายได้อย่างอิสระ เช่น Public Cloud, Private Cloud หรือ Hybrid Cloud ช่วยตอบสนองความต้องการได้อย่างเต็มที่
ยิ่งถ้าพูดถึงการพัฒนาระบบ IT สำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ที่ได้เปลี่ยนจากระบบ On-premise ไปสู่ Cloud Computing แล้วละก็ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการช่วยลดค่าใช้จ่ายที่แต่เดิมจะต้องลงทุนกับฮาร์ดแวร์อย่างหนัก เพื่อให้สามารถใช้งานทรัพยากร IT ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น การย้ายไปใช้งานคลาวด์ยังเป็นโอกาสให้ได้ปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรได้ดีขึ้นด้วย เช่น การเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ การทำงานภายในทีมร่วมกันแบบออนไลน์ รวมไปถึงยังจัดการทรัพยากรที่ง่ายขึ้นได้ด้วย
จากการเติบโตสู่คลาวด์นั้นส่งผลไปถึงผู้ให้บริการ IT Outsource ที่ต้องผลักดันสกิลของตนให้มีความเชี่ยวชาญในการจัดการระบบ IT และคลาวด์ที่ซับซ้อนกว่าเดิมด้วย ทั้งการตั้งค่าและดูแลโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงดูแลความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ ที่สำคัญคือการปรับแต่งระบบให้เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้ธุรกิจได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงจากการใช้งาน Cloud Computing
นอกจากการใช้งานในระบบ IT ที่ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว คลาวด์ก็ยังช่วยให้ธุรกิจได้เปรียบเรื่องการแข่งขันในท้องตลาดอีกด้วย ดังนั้นผู้ให้บริการ IT Outsource ที่สามารถตอบสนองและปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ จะได้รับการไว้วางใจจากองค์กรที่ต้องการความก้าวไกลและความยั่งยืนในเทคโนโลยี
การเติบโตของคลาวด์และบริการแบบ Subscription
การสมัครสมาชิก หรือ Subscription เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ยิ่งสำหรับธุรกิจ SMEs และองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการลดต้นทุนการซื้อฮาร์ดแวร์และการบำรุงรักษาในระยะยาวของระบบ IT ด้วยจุดเด่นที่ให้ความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมาก เพราะรูปแบบ Subscription ช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความต้องการและการใช้งานจริง ยิ่งช่วยให้ธุรกิจขยายหรือปรับลดทรัพยากร IT Network ได้ดีขึ้น ซึ่งรองรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ผู้ให้บริการ IT Outsource ในรูปแบบ Subscription จึงต้องมีความสามารถในการรวมระบบ (System Integration) และการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย (Networking) อย่างมาก เพราะ IT Outsource ต้องทำงานกับโซลูชันที่หลากหลายให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกจุดประสงค์
Virtualization เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ IT
สำหรับ Virtualization นั่นก็คือกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ IT โดยการจำลองทรัพยากรทางกายภาพ เช่น เซิร์ฟเวอร์หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ให้กลายเป็นทรัพยากรเสมือน เข้ามาช่วยให้การใช้งานของตัวฮาร์ดแวร์คุ้มค่ามากขึ้น ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการทรัพยากร
ตัวอย่างในการใช้งาน Virtualization ได้แก่ การสร้างหลายระบบปฏิบัติการ (Operating Systems) ในเซิร์ฟเวอร์เดียว หรือการจำลองสภาพแวดล้อมสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ ทั้งหมดนี้ได้เข้ามาช่วยลดความจำเป็นในการลงทุนฮาร์ดแวร์ใหม่ได้ รวมไปถึงทำให้ธุรกิจปรับตัวได้เร็วขึ้นในสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
นอกจากนี้ Virtualization ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการสำรองข้อมูล และกู้คืนระบบ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องในการดำเนินงาน ดังนั้นเหล่า IT Outsource ที่มีความสามารถด้านนี้จึงมีบทบาทช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพได้มากขึ้นไปอีก
ความสำคัญของ Cybersecurity และการปกป้องข้อมูลในยุคของ IT Outsource
ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นมูลค่าสำคัญที่สุดของระบบไอที Cybersecurity จึงเข้ามาเป็นหัวใจหลักที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะทุกธุรกิจต้องตั้งรับความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ ทั้งการแฮ็กข้อมูล หรือการรั่วไหลของข้อมูลที่จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อความเป็นไปขององค์กรในด้านความน่าเชื่อถือและการไว้วางใจจากลูกค้า
IT Outsource จึงยิ่งต้องมีมาตรการและแนวทางปฏิบัติด้าน Cybersecurity ที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารหัสเพื่อเข้าถึงข้อมูล การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้งานตั้งแต่ครั้งแรก (Authentication) และการตรวจสอบระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างนิสัยเรื่องความปลอดภัยภายในองค์กรและส่งเสริมการอบรมพนักงานให้ป้องกันภัยไซเบอร์ได้อย่างถูกวิธี
แนวโน้มของ Multi-vendor IT Outsource และการจัดการพันธมิตรหลายราย
ระบบไอทีในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้นตามความต้องการของการใช้งานในแต่ละประเภทธุรกิจ จึงมักเลือกใช้ Multi-vendor IT Outsource กันมากขึ้น เพื่อเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากหลายๆ ผู้ให้บริการ ซึ่งวิธีนี้ทำให้ไม่ต้องยึดติดกับการใช้บริการ IT Outsource รายเดียว และเพิ่มอำนาจต่อรองในการเลือกบริการที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรได้มากขึ้น
แต่ Multi-vendor IT Outsource ที่เป็นการบริหารจัดการหลายรายนี้ ธุรกิจจะต้องปรับตัวทั้งด้านการสื่อสารระหว่างทีมงานจากผู้ให้บริการที่แตกต่างกัน และการประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเลือก IT Outsource ที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นในระยะยาวด้วย ดังนั้น IT Outsource ที่มีความสามารถในการประสานงานและจัดการโครงการที่ซับซ้อนได้ดีและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินงานก็มีชัยไปกว่าครึ่งที่ธุรกิจจะใช้บริการไปอีกนาน
5 วิธีเลือก IT Outsource ที่ตอบโจทย์เทคโนโลยีอนาคต
หลายธุรกิจที่คิดจะเริ่มใช้บริการ IT Outsource คงจะยังคิดไม่ตกเกี่ยวกับการเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน งั้นมาลองทำตาม 5 วิธีนี้ดู
1. วิเคราะห์ความต้องการของธุรกิจ
เริ่มจากทำความเข้าใจความต้องการทางธุรกิจตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงอนาคต ว่าคุณต้องการปรับปรุงหรือพัฒนาในด้านใดบ้าง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพ IT Network หรือเสริมความปลอดภัยด้าน Cybersecurity กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อช่วยให้เลือก IT Outsource ที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด
2. ตรวจสอบความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ
IT Outsource แต่ละเจ้ามีจุดเด่นและทักษะที่แตกต่างกัน จึงควรศึกษาสกิลและประสบการณ์ในด้านที่คุณต้องการ เช่น การจัดการระบบคลาวด์ Virtualization หรือ Cybersecurity นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่า IT Outsource มีความเข้าใจในเทคโนโลยีและสามารถปรับแต่งบริการให้ตรงกับความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของธุรกิจคุณได้หรือไม่
3. ประเมินความยืดหยุ่นและการปรับตัว
ในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างแน่นอน จึงควรเลือก IT Outsource ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวตามเทรนด์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว จึงควรตรวจสอบว่า IT Outsource รายนั้นมีแผนการพัฒนาและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือไม่ รวมไปถึงมีความสามารถในการแก้ปัญหาและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้ดีแค่ไหน
4. พิจารณาความโปร่งใสและการสื่อสาร
เมื่อต้องทำงานร่วมกันการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในแง่ของการสร้างความไว้วางใจแล้วละก็ ควรตรวจสอบว่า IT Outsource รายนั้นมีขั้นตอนการทำงานเรื่องรายงานผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสหรือไม่ และสามารถให้ข้อมูลได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการมากน้อยแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นควรเลือก IT Outsource ที่เปิดรับความคิดเห็นและสามารถทำงานร่วมกับทีมของคุณได้อย่างราบรื่นที่สุด
5. ประเมินความปลอดภัย
สมัยนี้ ‘ข้อมูล’ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหนหรือในธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่แค่ไหนก็ได้กลายเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุด ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น IT Outsource ที่เลือกมาควรมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่หนาแน่น เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์และรักษาความน่าเชื่อถือของธุรกิจเอาไว้ได้
สรุป
ถึงแม้เทรนด์อย่าง Virtualization, Cybersecurity และ Multi-vendor IT Outsource ที่เปลี่ยนแปลงไป จนธุรกิจต้องจัดการระบบ IT และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ใหม่ แต่หากมี IT Outsource ที่ตอบโจทย์แล้วละก็ คงไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน แต่ก็ยังช่วยเสริมความยั่งยืนในระยะยาวได้อีกด้วย อีกทั้ง IT Outsource ที่สามารถปรับตัวและเพิ่มทักษะใหม่ๆ จะกลายเป็นกำลังที่สำคัญในการสร้างอนาคตของธุรกิจได้เป็นอย่างดี
FAQ
IT Outsourcing เหมาะกับธุรกิจประเภทไหนบ้าง?
เรียกได้ว่าเหมาะกับธุรกิจทุกประเภทและทุกขนาดธุรกิจ เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงทุนระบบ IT ภายใน อีกทั้งยังช่วยเสริมความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเฉพาะทาง เช่น Cybersecurity หรือ Cloud Computing ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ข้อดีและข้อเสียของการทำ IT Outsourcing คืออะไร?
- ข้อดี: ลดต้นทุนการดำเนินงาน เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารทรัพยากรด้านไอที และลดภาระการดูแลระบบไอที ภายใน
- ข้อเสีย: ปัญหาด้านการสื่อสารหรือการควบคุม IT Outsource ต้องรับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูล หาก IT Outsource ไม่มีมาตรการที่เพียงพอ
จะประเมินผลการทำงานของ IT Outsourcing ได้อย่างไร?
แนะนำให้ตั้ง KPIs (Key Performance Indicators) ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาการแก้ไขปัญหา ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน และความเสถียรของระบบ IT นอกจากนี้ต้องติดตามผลการดำเนินงานและประชุมสรุปผลอย่างสม่ำเสมอ
ค่าใช้จ่ายในการทำ IT Outsourcing ประมาณเท่าไหร่?
ถ้าพูดถึงเรื่องค่าใช้จ่าย ก็ต้องขึ้นอยู่กับขนาดของงาน ความซับซ้อนของระบบไอที และความเชี่ยวชาญของ IT Outsource ที่เลือก ดังนั้นธุรกิจจึงควรเปรียบเทียบราคาและบริการจาก IT Outsource หลายเจ้าก่อนตัดสินใจใช้บริการ
มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการทำ IT Outsourcing?
ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องการสื่อสารที่อาจจะไม่ชัดเจน หรือการเลือก IT Outsource ที่ไม่เหมาะสมกับธุรกิจ จึงควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ของ IT Outsource แต่ละเจ้า ที่สำคัญอย่าลืมการทำสัญญาที่ครอบคลุมทุกข้อกำหนดที่ธุรกิจเห็นชอบ
เฮลโหลไพน์ (Hellopine) บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่ให้บริการโซลูชันไอทีครบวงจรสำหรับองค์กรธุรกิจและสำนักงานต่างๆ เราออกแบบและวางโครงสร้างระบบ IT ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ติดต่อ Hellopine เพื่อรับคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ โทร 02-100-5073 หรือทางเว็บไซต์ www.hellopine.com