ในยุคดิจิทัลที่ IT Network ได้เชื่อมทุกอย่างให้เข้าถึงกันอย่างไร้ขอบเขต ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวจึงมีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยคือ ‘การตั้งรหัสผ่าน’ ที่แข็งแกร่งและปลอดภัย บทความนี้จึงขอนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัยในปี 2025 รวมถึงเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสร้างรหัสผ่านให้ยากจะคาดเดาและป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบุคคลอื่น
ทำไมการตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัยจึงสำคัญ?
‘รหัสผ่าน’ เปรียบเสมือนกุญแจตู้เซฟที่เก็บข้อมูลสำคัญของคุณเอาไว้ในระบบ IT ซึ่งถ้าหากตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาง่ายก็จะเหมือนประตูที่เปิดทิ้งไว้ให้ทุกคนสามารถเข้ามาได้ การใช้รหัสผ่านที่ง่ายต่อการคาดเดาหรือใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับหลายบัญชี ทำให้คุณเสี่ยงต่อการถูกแฮก ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมย หรือแม้แต่การสูญเสียเงินในบัญชีธนาคาร การตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัยจึงเป็นปราการด่านแรกในการปกป้องข้อมูลของคุณ
แชร์ 7 เทคนิคตั้งรหัสผ่านให้ปลอดภัย
มาถึงการตั้งรหัสผ่านในระบบ IT ให้ปลอดภัยด้วย 7 เทคนิคง่ายๆ แต่ได้ประสิทธิภาพอย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะเมื่อคุณวางระบบ IT ดีตั้งแต่เริ่มก็จะสามารถช่วยปกป้องข้อมูลของจากเหล่าแฮกเกอร์ได้แน่นอน พร้อมแล้วไปดูกันเลย!
เทคนิคที่ 1: ใช้รหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อน
เทคนิคแรกที่สามารถนำไปใช้ได้ง่ายๆ บน IT Network หรือบัญชีออนไลน์ต่างๆ คือ การตั้งรหัสผ่านที่มีความยาวอย่างน้อย 12 ตัวอักษรขึ้นไป ซึ่งนอกจากจะเน้นความยาวของตัวอักษรแล้วก็ยังจะต้องประกอบด้วยตัวอักษร ตัวใหญ่ ตัวเล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ ตัวอย่างเช่น “P@ssw0rd123!” โดยวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกเดารหัสผ่าน ที่เรียกว่า เทคนิค Brute Force เพราะจะทำให้แฮกเกอร์ใช้เวลานานขึ้นในการเข้าถึงข้อมูลของคุณ
คำแนะนำเพิ่มเติมหากจะนำเทคนิคนี้ไปใช้ในการตั้งรหัสระบบ IT ก็คือควรจะหลีกเลี่ยงคำง่ายๆ เช่น “password” หรือ “123456” อีกทั้งควรเลือกคำที่ไม่มีความหมายเฉพาะเจาะจงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและการคาดเดาที่ยากกว่าเดิมอีกด้วย
เทคนิคที่ 2: หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัว
เทคนิคนี้ขอแนะนำว่าไม่ควรที่จะนำข้อมูลส่วนตัวอย่างชื่อ วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ หรือชื่อสัตว์เลี้ยง นำมาตั้งรหัสผ่านบนระบบ IT เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่คุณอาจจะเปิดเป็นสาธารณะที่สามารถค้นหาได้ง่ายจากโซเชียลมีเดีย หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ
คำแนะนำเพิ่มเติมหากคุณเป็นคนขี้ลืมจนอยากใช้ข้อมูลส่วนตัวมาตั้งรหัสในการวางระบบ IT อาจจะลองเลือกคำที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวคุณเลยนำมาผสมกับตัวตนคุณให้ง่ายต่อการจำ แต่ก็ยังคาดเดาได้ยากอยู่ เช่น Purple!Pimmy2025 หรือ เลือกคำที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวคุณเลยแต่ยังมีความเป็นตัวตนคุณหรือสิ่งที่ชอบ เช่น SkyDog#98
เทคนิคที่ 3: ใช้การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication)
เทคนิคต่อมาเป็นการเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอนบนระบบ IT ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งเกราะป้องกันของความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้นไปอีก เช่น เมื่อคุณเข้าสู่บนระบบ IT หรือแม้แต่บัญชีออนไลน์ คุณก็จะได้รับรหัส OTP ผ่าน SMS อีเมลส่วนตัว หรือบนแอปพลิเคชันเสียก่อน หลังจากนั้นค่อยกรอกรหัส OTP เพื่อยืนยันการเข้าระบบ อาจจะเคยเห็นได้จาก Google Authenticator
ซึ่งประโยชน์ที่ได้แน่นอนจากเทคนิคนี้คือถึงแม้แฮกเกอร์จะรู้รหัสผ่านของคุณ แต่พวกเขาจะไม่สามารถเข้าถึงบัญชีได้หากไม่มีรหัส OTP เป็นการยืนยันตัวตนอีกขั้น
เทคนิคที่ 4: หลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับหลายบัญชี
แน่นอนว่าคงมีผู้ใช้งานหลายคนที่ใช้รหัสผ่านอันเดียวกันบน IT Network ทุกบัญชี ด้วยความคิดที่ว่าคงไม่เป็นไรเพราะเป็นคนละเซิร์ฟเวอร์กัน แต่การใช้รหัสผ่านเดียวกันกับหลายบัญชีเป็นสิ่งที่เสี่ยงมากๆ เพราะหากบัญชีหนึ่งถูกแฮกได้แล้ว แฮกเกอร์ก็อาจจะสามารถเข้าถึงบัญชีอื่นๆ ของคุณได้เช่นกัน
แต่อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปยังมีวิธีแก้ไขจากเทคนิคนี้คือ การใช้ Password Manager เช่น LastPass หรือ 1Password เพื่อจัดเก็บและสร้างรหัสผ่านที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละบัญชีบน IT Network
เทคนิคที่ 5: อัปเดตรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ
เทคนิคนี้อาจจะนำไปเสริมกับเทคนิคอื่นได้ เพราะถึงแม้การตั้งรหัสในช่วงวางระบบ IT ที่คาดเดายากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจำนวนของตัวอักษรที่ยาวมากๆ หรือการใช้คำเฉพาะที่ไม่มีความหมาย ก็ควรกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนรหัสผ่านอยู่เสมอ อาจจะกำหนดเป็นทุกๆ 3-6 เดือนเปลี่ยนครั้งหนึ่ง หรือถ้าสงสัยว่ารหัสผ่านอาจถูกบุกรุกจากการแจ้งเตือนของระบบ IT ก็ควรจะรีบเปลี่ยนในทันที
คำแนะนำเพิ่มเติมที่ควรทำในเทคนิคนี้ก็คงจะเป็นการตั้งรหัสผ่านใหม่ที่ไม่ซ้ำกับรหัสผ่านเก่า หรือไม่ให้มีความคล้ายคลึงกันอย่างการสลับของคำจากหน้าไปหลัง หรือแม้แต่แค่การเปลี่ยนเป็นตัวอักษรใหญ่ไปเล็ก
เทคนิคที่ 6: ตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์ที่ใช้
เทคนิคนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานของการใช้งาน IT Network เลยก็ว่าได้ คือก่อนใส่รหัสผ่านในเว็บไซต์ใดๆ ก็ได้ ต้องคอยตรวจสอบที่อยู่ของเว็บไซต์ว่า URL ของเว็บไซต์นั้นๆ ขึ้นต้นด้วย “https://” หรือไม่? และมีไอคอนรูปกุญแจแสดงว่ามีการเข้ารหัสข้อมูล
เทคนิคที่ 7: ใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
จากคำแนะนำของเทคนิคที่ผ่านมาการใช้เครื่องมือ Password Manager ได้เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้คุณไม่ต้องจดจำรหัสผ่านการใช้งานบน IT Network ทั้งหมด และยังช่วยสร้างรหัสผ่านที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติเป็นการแนะนำให้คุณไปใช้ได้อีกด้วย
หากคุณสนใจนำเทคนิคนี้ไปช่วยในการจดจำรหัสที่คาดเดายากในหลายบัญชีบน IT Network ก็ควรเลือกเครื่องมือที่มีความน่าเชื่อถือและมีการเข้ารหัสข้อมูล เช่น Bitwarden หรือ Dashlane
สรุป
การตั้งรหัสผ่านในระบบ IT ให้มีความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและบัญชีออนไลน์ของคุณ เพราะนี่คือด่านแรกที่จะช่วยไม่ให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมบัญชีของคุณได้ ดังนั้นอย่ามองข้ามความสำคัญของการตั้งรหัสผ่านและเลือกใช้เทคนิคที่กล่าวมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ และยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นการเพิ่มความมั่นใจของคุณเองในขณะใช้งาน IT Network ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นทุกวันในโลกดิจิทัล
FAQ
ควรเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยแค่ไหน?
แนะนำให้เปลี่ยนรหัสผ่านบน IT Network อย่างน้อยทุกๆ 3 เดือน หรืออาจจะเปลี่ยนบ่อยกว่านั้นหากคุณสงสัยว่าบัญชีอาจถูกบุกรุก เช่น การแจ้งเตือนเข้าสู่ระบบจากพื้นที่ที่ไม่รู้จัก หรือมีพฤติกรรมผิดปกติในบัญชีของคุณ นอกจากนี้การเปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดโอกาสในการถูกแฮกและช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ดีขึ้นด้วย
ควรทำอย่างไรหากลืมรหัสผ่าน?
ไม่ต้องเป็นกังวลไปหากคุณลืมรหัสผ่าน เพราะเกือบทุกเว็บไซต์มีระบบ IT ที่คุณสามารถใช้ตัวเลือก “ลืมรหัสผ่าน” ให้ระบบจัดส่งลิงก์กู้คืนรหัสหรือรีเซตไปยังอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ที่คุณเคยลงทะเบียนไว้ได้ จากนั้นก็จะสามารถรีเซตรหัสผ่านใหม่ได้ทันที และอย่าลืมที่จะตั้งรหัสผ่านใหม่ให้แตกต่างจากรหัสผ่านก่อนหน้าเพื่อเพิ่มความปลอดภัยด้วย
ตัวจัดการรหัสผ่านคืออะไร และฉันควรใช้หรือไม่?
ตัวจัดการรหัสผ่านคือโปรแกรมที่ช่วยสร้าง จัดเก็บ และจัดการรหัสผ่านสำหรับบัญชีออนไลน์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย เช่น LastPass หรือ Dashlane ข้อดีของเครื่องมือนี้คือช่วยลดปัญหาการจดจำรหัสผ่านที่ซับซ้อนและแตกต่างกันในแต่ละบัญชีบน IT Network หากคุณมีบัญชีออนไลน์จำนวนมาก การใช้ตัวจัดการรหัสผ่านเป็นวิธีที่สะดวกและปลอดภัยที่สุด
ทำไมการตั้งรหัสผ่านยาวถึงสำคัญ?
รหัสผ่านที่ยาวช่วยลดความเสี่ยงจากการคาดเดารหัสผ่าน ด้วยเทคนิค Brute Force ซึ่งเป็นการลองเดารหัสผ่านทีละชุดอย่างเป็นระบบ ยิ่งรหัสผ่านยาวและซับซ้อน แฮกเกอร์ก็จะต้องใช้เวลามากขึ้นในการถอดรหัส ลดโอกาสแฮกระบบ IT สำเร็จลงอย่างมาก ตัวอย่างรหัสผ่านที่ยาวและปลอดภัย เช่น H@ppyD@y2025!Summer
เฮลโหลไพน์ (Hellopine) บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่ให้บริการโซลูชันไอทีครบวงจรสำหรับองค์กรธุรกิจและสำนักงานต่างๆ เราออกแบบและวางโครงสร้างระบบ IT ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ติดต่อ Hellopine เพื่อรับคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ โทร 02-100-5073 หรือทางเว็บไซต์ www.hellopine.com