10 ภาษาเขียนโปรแกรมมิ่งสาย IT Services

สาย IT Services อัปเดตหรือยัง? 10 ภาษาเขียนโปรแกรมมิ่งยอดนิยม ปี 2025

22 April 2025
Table of contents

ในปี 2025 วงการ IT Services ยังคงเป็นสนามแข่งที่ภาษาต่างๆ ต้องงัดจุดแข็งมาฟาดฟันกันสุดฤทธิ์ แต่ละภาษาล้วนมีแนวทางที่พร้อมผลักดันให้ตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้บางภาษายังคงครองบัลลังก์ ส่วนบางตัวค่อยๆ หายไป? คำตอบอยู่ที่เทรนด์ IT Network ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่หมุนเร็วแบบไฮเปอร์สปีด การเลือกภาษาเขียนโปรแกรมให้เหมาะสมจึงถือเป็นการลงทุนระยะยาวในเส้นทางอาชีพ และถ้าอยากรู้ว่าภาษาไหนกำลังมาแรงในปีนี้ ลิสต์อัปเดตนี้มีคำตอบ

10 อันดับภาษาเขียนโปรแกรมมิ่งยอดนิยมปี 2025 มีอะไรบ้าง

ในปีนี้ระบบไอทีและเทคโนโลยีต่างๆ เดินหน้าแบบไม่มีเบรก ส่งผลให้ภาษาโปรแกรมมิ่งต้องแข่งกันปรับตัวเพื่อความอยู่รอด บางภาษายังครองตำแหน่งเดิมอย่างมั่นคง บางภาษากลับมาแจ้งเกิดใหม่ และบางตัวอาจเริ่มแผ่ว วันนี้เราจะพาไปดู 10 ภาษาที่ยังติดลมบน พร้อมจุดเด่น ข้อเสีย และแนวทางการใช้งานของแต่ละตัว

1. JavaScript  

จุดเด่น : ขับเคลื่อนเว็บ แอป และแม้แต่ Backend ด้วย Node.js มีเฟรมเวิร์กเทพๆ อย่าง React, Vue, และ Angular รองรับ อยู่ในวงการ IT Services มานาน

ข้อเสีย : โค้ดแอบยุ่งเหยิงได้ง่าย Type checking ก็ไม่ค่อยเข้มงวด ต้องใช้ TypeScript ช่วย  

เหมาะกับ : งานเว็บ (Frontend + Backend), Progressive Web Apps (PWAs), Full-stack Development

 

 2. Python

จุดเด่น : อ่านง่ายเหมือนภาษาอังกฤษ ใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่ AI, Data Science ไปจนถึง Web Development

ข้อเสีย : ช้ากว่าภาษาอื่นๆ ในการประมวลผลงานหนักๆ ใช้งานใน Mobile App ไม่ค่อยเวิร์ก

เหมาะกับ : Data Science, Machine Learning, Web Development, Scripting

 

3. Java

จุดเด่น : เป็นภาษาที่เสถียร รันได้ทุกแพลตฟอร์ม มีคอมมิวนิตีใหญ่มหึมา

ข้อเสีย : โค้ดยาวและ Verbose กว่า Python และ Kotlin

เหมาะกับ : Android Development, Enterprise Software, Backend Systems

 

4. TypeScript

จุดเด่น : จัดการ Bug ที่ JavaScript มองข้ามไปได้ดีขึ้น เพราะมี Static Typing

ข้อเสีย : ต้องคอมไพล์ก่อนรัน ใช้งานแรกๆ อาจต้องปรับตัวจาก JavaScript

เหมาะกับ : Large-scale Web Applications, Frontend Development, Full-stack Dev ที่ใช้ Node.js

 

5. ภาษา C, C#, C++

จุดเด่น : Performance แรงระดับเทพ ใช้พัฒนาเกม, Embedded Systems, ระบบไอที และแอปพลิเคชันระดับสูง

ข้อเสีย : ซับซ้อน โค้ดเยอะ Debug ยาก (โดยเฉพาะ C++)

เหมาะกับ : Game Development (C# กับ Unity, C++ กับ Unreal Engine), System Programming, IoT

 

6. Golang (Go)

จุดเด่น : เร็ว เบา Concurrency โหดมาก ใช้สร้าง Microservices ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นภาษาที่ IT Services นิยมใช้

ข้อเสีย : ไลบรารีน้อยกว่าภาษาเก๋าเกมอย่าง Python หรือ Java

เหมาะกับ : Cloud Services, High-performance Backend, Networking Applications

 

7. Kotlin

จุดเด่น : Android Official Language ใช้งานง่ายกว่า Java มี Syntax ที่สั้นและกระชับกว่า

ข้อเสีย : อาจยังมีไลบรารีและเครื่องมือที่ไม่ครอบคลุมเท่า Java

เหมาะกับ : Android Development, Server-side Development, Cross-platform App Development

 

8. PHP

จุดเด่น : ทำเว็บเร็ว ใช้งานง่าย Framework เยอะ (Laravel, Symfony)

ข้อเสีย : Performance อาจไม่เทียบเท่า Node.js และ Python และคนเริ่มมองหาทางเลือกอื่น

เหมาะกับ : Web Development, CMS อย่าง WordPress, Backend API

 

9. Swift

จุดเด่น : เป็นภาษาหลักสำหรับ iOS/Mac ใช้งานง่ายกว่า Objective-C

ข้อเสีย : ใช้ได้แค่กับ Apple Ecosystem

เหมาะกับ : iOS App Development, macOS Applications

 

10. Ruby

จุดเด่น : อ่านง่าย มี Framework อย่าง Ruby on Rails ที่ช่วยให้ Dev ทำงานเร็วขึ้น

ข้อเสีย : Performance ไม่เร็วเท่าภาษาอื่น และไม่ค่อยใช้ในงานที่ไม่เกี่ยวกับ Web

เหมาะกับ : Web Development, Prototyping, Startups

ภาษาเขียนโปรแกรมมิ่งสาย IT Services

แนวโน้มและเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง

ทุกวันนี้เทคโนโลยีและระบบไอทีใหม่ๆ ยังคงดันขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้ และภาษาเขียนโปรแกรมมิ่งก็ต้องไหลไปตามกระแส วันนี้เราจะมาดูกันว่าแต่ละสาขากำลังถูกขับเคลื่อนด้วยภาษาอะไรบ้าง และทำไมมันถึงสำคัญ

AI และ Machine Learning : Python ยังคงเป็นที่นิยม

Python ยังคงเป็น MVP ของสาย AI และ Machine Learning ด้วยไลบรารีเทพๆ อย่าง TensorFlow, PyTorch และ Scikit-learn ที่ทำให้การพัฒนาโมเดลง่ายขึ้นแบบไม่ต้องปวดหัว ความยืดหยุ่นและการรองรับ Big Data ทำให้ Python ยังครองบัลลังก์ แม้ว่าภาษาอย่าง Julia จะเริ่มมาแรงก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถเขย่าบัลลังก์ Python ลงไปได้

ทำไมต้อง Python?

  • Syntax อ่านง่าย เขียนง่าย ทำให้การทดลองโมเดลใหม่ๆ ใช้เวลาน้อย
  • มี Ecosystem ใหญ่ ไลบรารีมหาศาล
  • รองรับ Data Science, AI, และ Deep Learning ได้ครบเครื่อง

Web Development : JavaScript และ TypeScript ยังคงเป็นผู้นำ

เว็บแอปพลิเคชันเป็นกระดูกสันหลังของ IT Network และ JavaScript ก็ยังเป็นภาษาหลักที่ขับเคลื่อนมันอยู่ TypeScript ก็ตามมาติดๆ เพราะช่วยลดปัญหาโค้ดพังจาก Type checking ที่ JS ไม่มี และตอนนี้ Full-stack Dev ก็หันมาใช้ Node.js กันแบบไม่ต้องคิดเยอะ

ทำไมต้อง JavaScript & TypeScript?

  • มีเฟรมเวิร์กสุดโหดอย่าง React, Angular, Vue
  • TypeScript ช่วยจัดการ Bug และทำให้โค้ดปลอดภัยขึ้น
  • Node.js ทำให้สามารถใช้ JavaScript ทั้ง Frontend และ Backend ได้ในตัวเดียว

Mobile App Development : Kotlin (Android) และ Swift (iOS) ยังคงแข็งแกร่ง

ใครทำแอปมือถือ หรือเป็น IT Services เกี่ยวกับสมาร์ตโฟน เรียกได้ว่าปีนี้ยังไม่มีอะไรมาโค่น Kotlin และ Swift ได้ Kotlin ยังคงเป็นภาษาหลักของ Android ส่วน Swift ก็เป็นขาใหญ่ของฝั่ง iOS แบบไม่มีใครแซง เพราะ Apple หนุนหลังเต็มที่

ทำไมต้อง Kotlin & Swift?

  • Kotlin มีโค้ดที่กระชับและใช้งานง่ายกว่า Java
  • Swift มีประสิทธิภาพสูงกว่า Objective-C และได้รับการอัปเดตใหม่ๆ จาก Apple ตลอด
  • ทั้งสองภาษามีการรองรับ Native API ได้แบบเต็มรูปแบบ

Cloud Computing : Go และ Python มีบทบาทสำคัญ

Cloud กลายเป็นมาตรฐานของการพัฒนาระบบไอทีและแอปพลิเคชันยุคใหม่ ไม่ว่าจะแอปทั่วไป ระบบ Microservices หรือ Big Data การใช้ภาษาเขียนโปรแกรมที่เร็วและรองรับ Concurrency ได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ Go และ Python โดดเด่นในด้านนี้ Go นั้นเร็ว เบา และรองรับการทำงานแบบ Concurrency ได้ดี ส่วน Python ก็ยังครองตลาดในฝั่ง Automation และ Data Processing

ทำไมต้อง Go & Python?

  • Go : ทำงานเร็ว รองรับ Concurrency ได้เทพมาก เหมาะกับ IT Services ที่ต้องการพัฒนา Microservices
  • Python : มีเครื่องมือและไลบรารีที่รองรับ Cloud และ Big Data เยอะ เช่น AWS Lambda และ Google Cloud Functions

Game Development : C++ ยังคงเป็นภาษาหลัก

สายเกมยังไงก็ต้องใช้ C++ อยู่ดี Unreal Engine, Unity (แม้จะใช้ C# แต่ก็มีส่วนของ C++) และเอนจินเกมหลายๆ ตัว ยังยึดติดกับภาษา C++ เพราะมันเร็ว แรง และสามารถจัดการกับหน่วยความจำได้ละเอียดมาก

ทำไมต้อง C++?

  • Performance ระดับสุดยอด
  • ใช้งานร่วมกับ Unreal Engine และเอนจินเกมอื่นๆ ได้ดี
  • ควบคุมหน่วยความจำได้ละเอียดกว่าภาษาอื่น

สรุป

ปี 2025 โลกโปรแกรมมิ่งยังเต็มไปด้วยการแข่งขัน ภาษา JavaScript, Python, และ C++ ยังคงครองเกม ส่วน TypeScript, Go และ Kotlin ก็มาแรงขึ้นเรื่อยๆ จนชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีภาษาที่ดีที่สุด มีแต่ภาษาที่เหมาะกับงาน ถ้าสาย IT Services ต้องเก่ง JavaScript ถ้าสนใจ AI ต้องไปสาย Python ถ้าอยากเขียนเกมก็หนี C++ ไม่พ้น การเลือกภาษาที่เหมาะสมถือเป็นการลงทุนกับเส้นทางอาชีพในอนาคต ดังนั้น อย่าหยุดแค่ภาษาใดภาษาหนึ่งเท่านั้น เพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนตลอดเวลา เรียนรู้ ปรับตัว และอัปเดตสกิลเสมอ จะได้ไม่ตกขบวนโลกอนาคต

FAQ 

ภาษาเขียนโปรแกรมมิ่งภาษาไหนเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น? 

ตอบ : Python และ JavaScript เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะ Syntax อ่านง่าย ใช้งานได้หลากหลาย และมีชุมชนใหญ่คอยซัพพอร์ต

ภาษาเขียนโปรแกรมมิ่งภาษาไหนเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานมากที่สุด? 

ตอบ : จากข้อมูลล่าสุด Python, JavaScript และ Java ยังคงเป็นภาษาที่มีดีมานด์สูง เนื่องจากถูกใช้ใน AI, Web Dev และ Enterprise Software

จำเป็นต้องเรียนรู้หลายภาษาหรือไม่?

ตอบ : แนะนำให้เรียนรู้มากกว่าหนึ่งภาษา เพราะแต่ละภาษามีจุดแข็งต่างกัน ช่วยให้ปรับตัวได้ดีขึ้นและช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานในสาย IT Services

มีแหล่งเรียนรู้ภาษาเขียนโปรแกรมมิ่งออนไลน์ที่แนะนำบ้างไหม? 

ตอบ : แพลตฟอร์มยอดนิยม ได้แก่ Coursera, Udemy, Codecademy, freeCodeCamp และ LeetCode เหมาะสำหรับทุกระดับตั้งแต่เริ่มต้นถึงขั้นสูง

ควรเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาเขียนโปรแกรมมิ่งอย่างไร?

ตอบ : เริ่มจากพื้นฐาน เข้าใจโครงสร้างภาษา มีความเข้าใจใระบบไอที ฝึกเขียนโค้ดทุกวัน และทำโปรเจกต์จริงเพื่อให้เกิดทักษะที่ใช้งานได้จริง