ในทุกๆ ปีมนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องที่จะมุ่งเน้นให้การใช้ชีวิตในทุกย่างก้าวสะดวกสบาย ตั้งแต่การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ไปจนต้องการวางระบบ IT ที่ตอบสนองความต้องการทุกการใช้งานของแต่ละสถานที่แบบไม่หยุดนิ่ง ซึ่งในปี 2025 ก็ยังคงเป็นอีกปีที่ท้าทายการพัฒนาสำหรับผู้นำด้าน IT Network ทั่วโลกให้คิดค้นสิ่งใหม่อีกครั้ง ทุกคนจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างให้ทันท่วงที เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจด้วยบทความนี้กัน!
10 เทรนด์เทคโนโลยีสุดล้ำที่ต้องจับตามองในปี 2025
10 เทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่ต้องปรับตัวแต่ยังสามารถสร้างโอกาสให้นำมาพัฒนาองค์กร และเพิ่มศักยภาพการทำงานได้แบบไร้ขีดจำกัดมากขึ้นในปี 2025 กัน ซึ่งมีอะไรที่น่าสนใจบ้างมาดูกัน
1. Agentic AI
ยังคงเป็นที่พูดถึงและเริ่มใช้งานกันมากขึ้นอย่าง ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพราะมีความสามารถตัดสินใจและดำเนินการได้แบบอิสระ จึงได้ถูกนำเข้ามาใช้ในงานสำคัญหลายๆ ด้าน เช่น การวางระบบ IT ที่รองรับ Agentic AI ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความสามารถในการทำงานได้อย่างอัตโนมัติ แถมยังลดความผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในด้านธุรกิจด้วย เช่น นำ Agentic AI มาช่วยจัดการคำสั่งซื้อสินค้าในระบบ IT Network ช่วยประมวลผลและตอบกลับคำสั่งซื้อได้โดยไม่ต้องคอยการตัดสินใจจากมนุษย์ เป็นการช่วยลดเวลาทำงานและให้บริการรวดเร็วกว่าเดิม
2. Post-quantum Cryptography
ความปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้นำด้าน IT Network ให้ความสำคัญมากขึ้น จึงมี Post-quantum Cryptography หรือ เทคโนโลยีการเข้ารหัส ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรับมือกับความสามารถของคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่สามารถถอดรหัสข้อมูลได้รวดเร็วกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป การวางระบบ IT ด้วยเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยปกป้องข้อมูลไม่ให้ถูกเข้าถึงได้มากกว่าเดิม เช่น ระบบธนาคารออนไลน์ เทคโนโลยี Post-quantum Cryptography ก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินให้รัดกุมมากขึ้น
3. Spatial Computing
ต่อมาสำหรับเทคโนโลยีอย่าง Spatial Computing ที่เป็นการผสานเทคโนโลยีโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกันผ่านการใช้งานอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ขั้นสูง เช่น AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) การวางระบบ IT ด้วยเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงระบบ IT ให้สามารถรองรับการสร้างประสบการณ์แบบ Interactive ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยนำเสนอโซลูชันที่ตอบสนองลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบ AR ช่วยลูกค้าเลือกเฟอร์นิเจอร์ได้ง่ายๆ แค่ดูผ่านภาพจำลองในบ้านของตนเองก่อนการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นจึงควรเตรียมพร้อมในเรื่อง Hardware Software และอัปเกรดข้อมูลพื้นฐาน เพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มที่
4. AI Governance Platforms
ถึงแม้เทคโนโลยี AI จะมีความสามารถก้าวล้ำแค่ไหน แต่ก็ต้องมี AI Governance Platforms หรือก็คือเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยจัดการและควบคุมการใช้งานของ AI ทั้งในระบบ IT และ IT Network ให้เกิดความปลอดภัย เพราะการใช้งาน AI บางครั้งก็ขาดการดูแลจนทำให้เกิดความเสี่ยง เช่น การใช้งานผิดจริยธรรมหรือการละเมิดกฎหมาย AI Governance Platforms จึงเข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลการตัดสินใจของ AI เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเฉพาะในแต่ละธุรกิจ เช่น ใช้จัดการระบบ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานของ AI ยุติธรรมและปลอดภัยต่อลูกค้าและธุรกิจเองด้วย
5. Ambient Invisible Intelligence
Ambient Invisible Intelligence หรือ เทคโนโลยีที่สามารถผสมผสานตัวเองเข้ากับสิ่งรอบตัวได้อย่างแนบเนียน เช่น ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับข้อมูลแบบอัตโนมัติ พร้อมกับ AI ที่ทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างทันที ซึ่งต้องวางระบบ IT ให้สามารถรองรับการเชื่อมต่อข้อมูลที่มีอยู่ตลอดเวลาด้วย เช่น การนำ Ambient Invisible Intelligence มาใช้ในอาคารสำนักงานเพื่อปรับแสงสว่างหรืออุณหภูมิห้องตามพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งหากใครสนใจนำไปใช้งานควรเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน IT ที่ยืดหยุ่นและรองรับการประมวลผลแบบ real-time ไว้ด้วย
6. Polyfunctional Robots
Polyfunctional Robots หรือ หุ่นยนต์ที่มีความสามารถหลากหลาย ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับงานหลากหลาย เช่น การผลิต การขนส่ง หรือแม้แต่การบริการลูกค้า โดยหุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความยืดหยุ่นในกระบวนการทำงาน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนแรงงานได้อีกด้วย เช่น หุ่นยนต์เชื่อม ตัด หรือประกอบชิ้นส่วนในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจำเป็นจะต้องวางระบบ IT เข้าควบคุมและประสานงานกับหุ่นยนต์ด้วย ดังนั้นผู้ที่สนใจควรเริ่มต้นปรับแต่งระบบ IT Network ให้รองรับ IoT ให้หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ ได้อย่างกลมกลืน
7. Disinformation Security
อีกหนึ่งเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของข้อมูลจากข่าวปลอมและการคุกคามการใช้ชีวิตทางไซเบอร์อย่าง Disinformation Security ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้าง IT Network เพื่อป้องกันภัยเหล่านี้ เช่น ระบบ AI สามารถตรวจจับและป้องกันการคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนได้ทันท่วงที ผสานการทำงานกับ Blockchain ที่ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของข้อมูลเข้าไปอีกขั้น ดังนั้นในหลายๆ องค์กรควรสร้างแผนรับมือความเสี่ยงกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดด้วยเทคโนโลยีนี้ไว้ด้วย
8. Energy-Efficient Computing
Energy-Efficient Computing หรือ เทคโนโลยีการประมวลผลที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ กลายเป็นแนวทางในการออกแบบระบบ IT ที่เข้ามาช่วยลดการใช้พลังงานได้แบบไม่ต้องลดประสิทธิภาพการใช้งาน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน แถมยังสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรได้อีกด้วย
9. Neurological Enhancement
Neurological enhancement อีกหนึ่งเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่จะเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของมนุษย์เพิ่มขึ้น ด้วยความสามารถในการทำงานที่หลากหลายแบบ Multitasking ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น อีกทั้งยังคงประสิทธิภาพของการทำงานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังติดตั้งง่าย สามารถปรับให้เข้ากับรูปแบบของการทำงานหรือ ระบบ IT ได้แบบกลมกลืนกับความแตกต่างของแต่ละสถานที่และเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งหากองค์กรไหนต้องการเทคโนโลยีหุ่นยนต์ก็ต้องเตรียมพร้อมจัดวางระบบ IT และข้อมูลต่างๆ ไว้สำหรับการใช้งานนี้
10. Hybrid Computing
เรียกได้ว่า Hybrid Computing เป็นการผสานการประมวลผลแบบคลาวด์และแบบดั้งเดิมเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพใน IT Network ที่จำเป็นสำหรับองค์กรในอนาคต ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรมที่มีข้อมูลซับซ้อนและต้องการคำนวณหาข้อมูลการส่งเสริมธุรกิจที่แม่นยำ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาด้านอื่นๆ เช่น การเชื่อมต่อ IT Network และการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดก็ได้ AI เข้ามาควบคุมและจัดการได้อย่างง่ายดาย
การปรับตัวและบทบาทของผู้นำด้านไอทีในปี 2025
หลังจากการอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆ กันไปแล้ว ทีนี้ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำด้าน IT Network จะต้องเตรียมตัวอะไร และขับเคลื่อนให้เทคโนโลยีเหล่านี้ถูกใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้อย่างไร
พัฒนาทักษะใหม่ด้านไอทีในอนาคต
การจะกลายมาเป็นผู้นำด้าน IT Network ได้นั้น ก็ต้องคอยพัฒนาทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่การศึกษาการทำงานของเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI และ Blockchain แค่นั้นยังไม่พอจะต้องเพิ่มทักษะด้านการบริหาร รู้จักเปลี่ยนแปลงการทำงานในองค์กร เพิ่มการสื่อสารระหว่างผู้ร่วมงาน และกลายเป็นนำของทุกคนให้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทาง IT Network ได้อย่างทันยุคทันสมัย
บริหารจัดการความเสี่ยงและปรับตัวในการใช้งานเทคโนโลยีใหม่
แน่นอนว่าเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาอยู่เรื่อยๆ ทุกคนมักจะไม่คุ้นอยู่แล้ว จึงอาจทำให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งานแบบขาดความรู้ เช่น หากถูกคุกคามทางไซเบอร์ผู้นำด้าน IT Network ก็ต้องมีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และพร้อมปรับตัวให้รวดเร็วเพื่อนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้รักษาความปลอดภัย ให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และนวัตกรรมในองค์กร
สุดท้ายการจะเป็นผู้นำด้าน IT Network ได้นอกจากตนเองที่ต้องมีความรู้ด้านไอที ก็ต้องสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้และนวัตกรรมในองค์กรให้กับคนในองค์กรได้ด้วย เริ่มจากการสนับสนุนให้ทีมงานสามารถเข้าถึงและทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมให้พนักงานมีทักษะความคิดสร้างสรรค์และสามารถที่จะปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะสุดท้ายแล้วบุคลากรก็เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างองค์กรที่มีความยั่งยืนในอนาคต
สรุป
ถึงแม้ในปี 2025 จะกำลังเป็นอีกปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีได้มากขึ้น แต่สำหรับผู้นำด้าน IT Network ที่เป็นผู้ใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังจะเกิดขึ้นก็ตาม ต้องคิดเสมอว่าจะพัฒนาตนเองอย่างไรเพื่อให้องค์กรสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจได้อย่างแท้จริงมากกว่าแค่การตามเทรนด์เพียงอย่างเดียว
FAQ
ทำไมผู้นำด้านไอทีจึงต้องติดตามเทรนด์เทคโนโลยีอย่างใกล้ชิด?
ต้องบอกก่อนว่าการติดตามเทรนด์เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต หรือแม้แต่การรับรู้สิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวให้ทันกับความต้องการของตลาด เช่น วางระบบ IT เพื่อรองรับเทคโนโลยี AI, เครือข่าย 5G หรือแม้แต่ IoT ให้เข้ากับระบบ IT ทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อนำมาปรับใช้ในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นเทรนด์จึงช่วยให้ผู้นำสามารถวางแผนกลยุทธ์ได้ดีขึ้นและนำเทคโนโลยีมาพัฒนาให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรได้อีกด้วย
AI ในปี 2025 จะมีบทบาทสำคัญอย่างไรในธุรกิจ?
ความนิยมในการใช้ AI เริ่มมีมากขึ้น จนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญทั้งในด้านระบบ IT หรือแม้แต่การช่วยตัดสินใจทางธุรกิจ เพราะความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลทีละมากๆ ให้ธุรกิจได้เข้าใจในพฤติกรรมของลูกค้า รวมไปถึงประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี เช่น ธุรกิจค้าใช้ AI ในการแนะนำสินค้าที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการปิดการขายได้มากกว่าเดิม
เทคโนโลยี 5G จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจในปี 2025 ได้อย่างไร?**
เทคโนโลยี 5G ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงการสื่อสารในธุรกิจให้มีความรวดเร็ว รวมทั้งระบบ IT เช่น การรับ-ส่งข้อมูลขนาดใหญ่เล็กให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและลดปัญหาความล่าช้าในการสื่อสารกับคนในทีมหรือกับลูกค้า นอกจากนี้ 5G ทำให้ธุรกิจยังสามารถใช้งาน IoT, Cloud, และการสื่อสารระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
IoT จะมีบทบาทสำคัญอย่างไรในธุรกิจในปี 2025?
IoT หรือ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ร่วมกันจากการวางระบบ IT จะช่วยให้การทำงานของธุรกิจสามารถเก็บรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบ real-time และนำมาวิเคราะห์พร้อมตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ เช่น อุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้ IoT ในการติดตามสถานะของเครื่องจักรเพื่อป้องกันการเสียหายหรือปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ในธุรกิจค้าปลีกก็สามารถติดตามพฤติกรรมลูกค้าในร้านค้าและปรับเปลี่ยนโปรโมชันที่เหมาะสมให้ลูกค้าได้
เฮลโหลไพน์ (Hellopine) บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่ให้บริการโซลูชันไอทีครบวงจรสำหรับองค์กรธุรกิจและสำนักงานต่างๆ เราออกแบบและวางโครงสร้างระบบ IT ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ติดต่อ Hellopine เพื่อรับคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ โทร 02-100-5073 หรือทางเว็บไซต์ www.hellopine.com