โทรจัน (Trojan) คืออะไร? รู้จักภัยเงียบที่แฝงมากับไฟล์และลิงก์

21 April 2025
Table of contents

โลกดิจิทัลที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านระบบ IT ในทุกวันนี้ไม่ได้ยากเลยที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์จะเข้าถึงทุกคน แถมยังพัฒนาตัวเองให้ซับซ้อนและน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “โทรจัน” (Trojan) ที่แฝงตัวมากับไฟล์หรือเว็บไซต์ที่เหมือนไม่มีพิษภัยใดๆ แต่สุดท้ายก็ทำลายหรือขโมยข้อมูลสำคัญของบริษัทเล็กใหญ่ไปอย่างง่ายดายตามที่เป็นข่าวกัน ซึ่งนี่แหละคือภัยเงียบที่ต้องระวังเมื่อทำการติดตั้งระบบ IT มารู้จักกับโทรจันอย่างละเอียดและวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อกันเลย!

โทรจัน (Trojan) คืออะไร

หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างกับคำว่า “โทรจัน” (Trojan) แต่ที่มาของชื่อนี้ได้มาจากไหนละ? จริงๆ แล้วคำว่า โทรจัน มาจากตำนานกรีกโบราณเกี่ยวกับม้าโทรจันที่ถูกใช้ลวงเมืองทรอยให้เปิดประตูป้อมปราการเพราะผู้คนคิดว่ามันเป็นของขวัญสงบศึก แต่กลับพบว่าเป็นอุบายที่ทำให้ศัตรูบุกเข้าเมืองได้ ซึ่งก็สามารถนำมาเชื่อมโยงกับระบบ IT ได้ก็เช่นกัน เพราะซอฟต์แวร์หรือเว็บไซต์ที่ดูเหมือนไม่มีอันตรายแต่จริง ๆ แล้วแอบซ่อนภัยร้ายไซเบอร์เอาไว้ภายใน

 

หากพูดถึงเรื่องระบบ IT ปัญหาจากเจ้าโทรจันที่จะกลายมาเป็นภัยร้ายของทุกธุรกิจก็มีความแตกต่างกับพวกไวรัสอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน เพราะตัวโทรจันเองนั้นไม่ใช่ไวรัส แต่มันเป็นมัลแวร์ประเภทหนึ่ง ที่ต้องหลอกล่อให้ผู้ใช้งานติดตั้งขึ้นเองซึ่งต่างจากไวรัสที่แพร่กระจายตัวเองได้ในระบบ IT จากไฟล์หนึ่งไปยังอีกไฟล์หนึ่ง และพวกไวรัสก็มักก่อให้เกิดความเสียหายกับข้อมูลในเครื่องหรือทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้ นอกจากนี้ถึงแม้โทรจันจะเป็นมัลแวร์ประเภทหนึ่งก็ยังคงมีความแตกต่างกับมัลแวร์บางชนิดที่สามารถทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องอาศัยการติดตั้งจากผู้ใช้งาน เช่น แรนซัมแวร์ที่ล็อกไฟล์โดยตรง

ประเภทโทรจันที่พบได้บ่อยในระบบ IT

ตัวอย่างประเภทโทรจันที่พบได้บ่อยในระบบ IT 

  • โทรจันที่ทำการขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านและข้อมูลบัตรเครดิต เพื่อส่งต่อให้ผู้สร้าง อาจรวมถึงการเก็บข้อมูลการพิมพ์ (Keylogging) หรือการถ่ายภาพหน้าจอ
  • โทรจันที่ควบคุมเครื่องระยะไกล โดยแฮกเกอร์จะสามารถเข้าควบคุมอุปกรณ์ของคุณจากที่ใดก็ได้ เพื่อสั่งการติดตั้งระบบ IT โปรแกรมต่างๆ หรือเปลี่ยนแปลงระบบได้
  • โทรจันที่เรียกค่าไถ่ ซึ่งจะทำการล็อกไฟล์หรืออุปกรณ์ก่อนจะเรียกร้องเงินเพื่อปลดล็อกไฟล์
  • โทรจันที่ขุดคริปโต (Crypto Mining Trojan) เป็นใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์เพื่อขุดสกุลเงินดิจิทัลแบบไม่ได้รับอนุญาต
  • โทรจันที่เข้ามาปิดการป้องกัน (Trojan-Disabler) การทำงานของซอฟต์แวร์ที่ป้องกันไวรัสหรือไฟร์วอลล์ ระบบ IT จึงเปิดรับมัลแวร์ตัวอื่นได้ง่ายขึ้น

โทรจันทำงานอย่างไร?

โทรจันสามารถเข้าสู่ระบบ IT ได้หลากหลายวิธี เช่น การแนบมากับอีเมลฟิชชิง ลิงก์ที่ดูเหมือนจะปลอดภัย หรือการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เถื่อนบนเว็บไซต์ เมื่อผู้ใช้งานคลิกหรือติดตั้ง โทรจันจะฝังตัวเข้าไปในระบบ IT และเริ่มทำงานเบื้องหลังโดยไม่ให้เจ้าของอุปกรณ์รู้ตัว หลังจากนั้นก็จะเริ่มปฏิบัติการตามที่ตั้งค่าไว้อย่างดักจับข้อมูลสำคัญบนอุปกรณ์ ส่งต่อข้อมูลไปยังปลายทางแฮกเกอร์ หรือเปิดช่องทางให้มัลแวร์อื่นๆ เข้ามาแทรกและทำลายข้อมูลที่มีอยู่ในอุปกรณ์

ประเภทของโทรจัน

โทรจันที่เข้ามาทำลายระบบ IT มีมากกว่าที่คุณคิด ซึ่งในแต่ละประเภทก็มีกระบวนการทำงานและจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไปดังนี้

  1. Trojan-Downloader: โทรจันชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์ตัวอื่นๆ ลงบนอุปกรณ์ของคุณ เช่น แรนซัมแวร์หรือสปายแวร์ โดยมักเป็นจุดเริ่มต้นจากการโจมตีขนาดใหญ่
  2. Trojan-Spy: โทรจันที่ทำหน้าที่สอดแนมประวัติของผู้ใช้งานและข้อมูลสำคัญๆ เช่น บันทึกการเข้าเว็บไซต์ หรือถ่ายภาพหน้าจอ ก่อนจะขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลสำคัญออกไป
  3. Trojan-Banker: เป็นโทรจันที่เจาะจงจะขโมยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธนาคารออนไลน์ ทั้งรหัสผ่าน ชื่อผู้ใช้ หรือข้อมูลบัตรเครดิต โดยจะหลอกล่อให้คุณเข้าสู่เว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนธนาคารของคุณเอง
  4. Trojan-Ransom: โทรจันชนิดนี้จะเรียกค่าไถ่จากการล็อกอุปกรณ์ ซึ่งหากไม่จ่ายเงินข้อมูลของคุณอาจสูญหายถาวร
  5. Trojan-Backdoor: ประเภทนี้จะสร้างช่องทางลับให้แฮกเกอร์เข้าถึงอุปกรณ์ของคุณเพื่อเข้าควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล ไปจนถึงการติดตั้งมัลแวร์ตัวอื่น

 

วิธีป้องกันโทรจัน

ก่อนที่จะต้องมานั่งเจ็บใจที่โดนเจ้าโทรจันทำลายหรือขโมยข้อมูลสำคัญของคุณไป มาเตรียมระบบ IT Services หรือแนวทางปฏิบัติที่แข็งแกร่งพร้อมปกป้องข้อมูลของคุณกันดีกว่า

  1. หลีกเลี่ยงการเปิดอีเมลหรือข้อความจากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก หรือลิงก์ที่มีคำเชิญชวนให้คลิกโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
  2. เลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถในการป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์ และอัปเดตฐานข้อมูลไวรัสอย่างสม่ำเสมอ
  3. หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์หรือโปรแกรมจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือซอฟต์แวร์เถื่อนที่ละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อป้องกันการแฝงตัวของโทรจัน
  4. ระบบ IT โดยเฉพาะซอฟต์แวร์มักต้องการการอัปเดตเสมอ เพื่อป้องกันและอุดช่องโหว่ที่อาจถูกโทรจันใช้โจมตีได้
  5. เพิ่มการติดตั้งระบบ IT ที่น่าเชื่อถือและเปิดใช้งาน Firewall เพื่อช่วยป้องกันการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
  6. หากไม่แน่ใจว่าไฟล์หรือเว็บไซต์ปลอดภัยหรือไม่ ให้ตรวจสอบด้วยซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสก่อนเปิดใช้งานทุกครั้ง

สัญญาณที่บ่งบอกว่าอุปกรณ์อาจติดโทรจัน

อาการผิดปกติแบบไหนบนอุปกรณ์ของคุณที่จะส่งสัญญาณให้รู้ก่อนจะสายว่า โดยเจ้าโทรจันเล่นงานเข้าแล้ว

  • อุปกรณ์ทำงานช้าผิดปกติ เพราะโทรจันมักใช้ทรัพยากรของระบบ IT อย่างหนัก เช่น การประมวลผลหรือหน่วยความจำ ทำให้เครื่องทำงานช้าลง
  • การใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นแบบผิดปกติ เพราะโทรจันอาจกำลังส่งข้อมูลออกไปภายนอก
  • มีโปรแกรมแปลกๆ ทำงานเอง เพราะโทรจันบางตัวอาจติดตั้งโปรแกรมที่คุณไม่ได้อนุญาตและเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ
  • มีการทำธุรกรรมที่น่าสงสัย เช่น การถอนเงินหรือทำธุรกรรมที่คุณไม่ได้อนุมัติ โทรจันอาจกำลังดักจับข้อมูลบัญชีของคุณอยู่
  • ข้อความเตือนจากซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส ซึ่งบางครั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอาจเตือนเพราะตรวจพบความผิดปกติในระบบ IT หากมีข้อความลักษณะนี้ควรตรวจสอบทันที

สรุป

‘โทรจัน’ ตัวอันตรายทางไซเบอร์ที่แฝงมาได้ทุกรูปแบบ ทั้งไฟล์และลิงก์ที่ดูน่าเชื่อถือ ถึงแม้ในบางอุปกรณ์จะมีระบบ IT Services ที่แข็งแกร่งแล้วก็ตาม แต่หากผู้ใช้งานขาดความระมัดระวังและความรู้ด้านการป้องกันภัยไซเบอร์เบื้องต้นก็อาจกลายเป็นเหยื่อได้ จึงควรปฏิบัติตามแนวทางป้องกันอย่างเคร่งครัดและการอัปเดตระบบ IT ให้มีความทันสมัยอยู่เสมอเพื่อช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องข้อมูลที่สำคัญของคุณจากโทรจันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

FAQ

โทรจันต่างจากไวรัสคอมพิวเตอร์อย่างไร?

โทรจันและไวรัสมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งโทรจันต้องอาศัยผู้ใช้งานเปิดไฟล์หรือลิงก์เสียก่อนจึงจะแพร่กระจายตัวเองออกไปในระบบ IT ได้ และจะฝังตัวในระบบเพื่อขโมยข้อมูล ควบคุมอุปกรณ์ หรือสร้างช่องโหว่ให้แฮกเกอร์เข้ามา ส่วนไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นก็จะทำลายข้อมูลและระบบ IT โดยตรง

ถ้าติดโทรจันแล้วต้องทำอย่างไร?

หากสงสัยว่าอุปกรณ์ติดโทรจัน ควรทำตามขั้นตอนนี้ทันที

  1. ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลถูกส่งออกไปหรือแฮกเกอร์เข้ามาในระบบ IT เพิ่มเติม
  2. ใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสสแกนระบบอย่างละเอียดเพื่อค้นหาและกำจัดโทรจัน
  3. ลบไฟล์ต้องสงสัยโดยเฉพาะไฟล์ที่เพิ่งดาวน์โหลดหรือติดตั้งก่อนที่อุปกรณ์จะเริ่มมีปัญหา
  4. อัปเดตระบบและโปรแกรม เพื่อปิดช่องทางที่จะทำให้โทรจันเข้ามาอีกครั้ง
  5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันทีหากปัญหายังคงแสดงอยู่ หรือนำอุปกรณ์ไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ตรวจสอบ

โทรจันสามารถติดมือถือได้ไหม?

ได้แน่นอน เพราะมือถือในปัจจุบันสามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้ โดยเฉพาะจากแอปพลิเคชันหรือไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น แอปพลิเคชันนอก Google Play Store หรือ Apple App Store แต่หากมีการดาวน์โหลดแล้วก็สามารถป้องกันได้โดยวิธีเบื้องต้น เช่น การติดตั้งแอนตี้ไวรัสสำหรับมือถือ

แอนตี้ไวรัสสามารถป้องกันโทรจันได้ 100% หรือไม่?

แน่นอนว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสช่วยลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมาก แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้แบบ 100% เพราะโทรจันบางชนิดไม่การพัฒนาก้าวล้ำกว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสบางตัว และระบบ IT ยังคงมีความเสี่ยงอยู่แน่นอนหากผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์หรือคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถืออยู่

ถ้าไม่ดาวน์โหลดไฟล์จากอินเทอร์เน็ตเลย จะติดโทรจันได้หรือไม่?

ถึงแม้จะไม่ได้ดาวน์โหลดไฟล์จากอินเทอร์เน็ตก็สามารถติดโทรจันได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่โทรจันอาจแฝงมากับไฟล์แนบหรือลิงก์ปลอมทางอีเมล หรือติดโทรจันจากการติดตั้งอัตโนมัติเมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังสามารถติดได้จากการใช้ USB หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลจากภายนอก

เฮลโหลไพน์ (Hellopine) บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่ให้บริการโซลูชันไอทีครบวงจรสำหรับองค์กรธุรกิจและสำนักงานต่างๆ เราออกแบบและวางโครงสร้างระบบ IT ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ติดต่อ Hellopine เพื่อรับคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ โทร 02-100-5073 หรือทางเว็บไซต์ www.hellopine.com