Routing Protocols คืออะไร

Routing Protocols คืออะไร เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับ Network สำหรับองค์กร

22 April 2025
Table of contents

ในระบบเครือข่ายองค์กร (IT Network) การกำหนดเส้นทางที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ Routing Protocols คือกฎหรือกระบวนการที่ช่วยให้เราเตอร์เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งข้อมูล เพื่อให้เครือข่ายทำงานได้อย่างรวดเร็วและเสถียร ในบทความนี้ เราจะอธิบายประเภทของ Routing Protocols และแนวทางเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับNetwork สำหรับองค์กร

ความหมายของ Routing Protocols

Routing Protocols คือชุดของกฎและกระบวนการที่ใช้ในการกำหนดเส้นทางการส่งข้อมูลภายในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้แพ็กเก็ตสามารถเดินทางจากต้นทางไปยังปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้ Routing Protocols ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการวางระบบ Networkที่เสถียรและปลอดภัย

หน้าที่ของ Routing Protocols ในการวางระบบ Network

Routing Protocols มีบทบาทสำคัญในการวางระบบ ITและเครือข่ายองค์กร โดยช่วยให้ข้อมูลสามารถส่งผ่านเครือข่ายระบบ IT ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ หน้าที่หลักของ Routing Protocols ได้แก่

  • กำหนดเส้นทางการส่งข้อมูล

Routing Protocols ช่วยกำหนดเส้นทางที่เหมาะสมในการส่งแพ็กเก็ตข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง โดยพิจารณาจากโครงสร้างของเครือข่ายและปัจจัยต่าง ๆ เช่น จำนวนโหนด ระยะทาง และประเภทของการเชื่อมต่อ IT Network

  • ค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุด

โปรโตคอลเหล่านี้ใช้ Metric ต่าง ๆ เช่น จำนวนฮอป (Hop Count), แบนด์วิดท์ (Bandwidth), ความล่าช้า (Latency) และค่าใช้จ่าย (Cost) เพื่อเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการส่งข้อมูล ช่วยลดปัญหาคอขวด (Network Congestion) และเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย

  • อัปเดตและปรับเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติ

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงภายในเครือข่าย เช่น ลิงก์ขัดข้อง (Link Failure) หรือมีการเพิ่มเส้นทางใหม่ Routing Protocols จะทำการอัปเดตเส้นทางโดยอัตโนมัติ เพื่อให้การเชื่อมต่อIT Networkมีเสถียรภาพและลด Downtime

  • รองรับการขยายตัวของเครือข่าย

ในองค์กรที่ต้องการขยายเครือข่ายIT Networkการเลือกใช้ Routing Protocols ที่รองรับการปรับขยาย เช่น OSPF หรือ BGP ช่วยให้เครือข่ายสามารถรองรับการเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์และการขยายตัวของโครงสร้างได้โดยไม่เกิดปัญหาความล่าช้าหรือแออัด

วางระบบ Network ด้วย Routing Protocols

ประเภทของ Routing Protocols และการทำงาน

IT Network Routing Protocols สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ Distance Vector, Link-State และ Path-Vector โดยแต่ละประเภทมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน

1. Distance Vector Protocols

การทำงานของ Distance Vector Protocols

  • ใช้วิธีการส่งข้อมูลระยะทางและทิศทางไปยังเราเตอร์ IT Network ข้างเคียงเพื่อกำหนดเส้นทาง
  • ใช้ Hop Count เป็นตัวกำหนดเส้นทางที่ดีที่สุด
  • มีการอัปเดตเส้นทางIT Networkตามระยะเวลาที่กำหนด

ตัวอย่างโปรโตคอลที่ใช้

  • RIP (Routing Information Protocol) โปรโตคอลแบบเก่า ใช้งานง่าย แต่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวน Hop สูงสุดที่ 15
  • EIGRP (Enhanced Interior Gateway Routing Protocol) เป็นการปรับปรุง RIP ให้สามารถคำนวณเส้นทางที่ดีที่สุดโดยใช้หลายปัจจัย เช่น ความหน่วงและแบนด์วิดท์

ข้อดี

  • เหมาะกับเครือข่ายระบบ IT ขนาดเล็กถึงกลาง ตั้งค่าได้ง่าย

ข้อเสีย

  • มีความล่าช้าในการอัปเดตเส้นทางเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง

2. Link-State Protocols

การทำงานของ Link-State Protocols

  • ใช้วิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานะของลิงก์กับเราเตอร์ IT Network อื่นในเครือข่าย
  • คำนวณเส้นทางโดยใช้ Dijkstra’s Algorithm เพื่อหาเส้นทางที่ดีที่สุด

ตัวอย่างโปรโตคอลที่ใช้

  •  OSPF (Open Shortest Path First) ใช้ในเครือข่ายขนาดใหญ่ มีเสถียรภาพสูง
  •  IS-IS (Intermediate System to Intermediate System) คล้าย OSPF แต่ใช้ในระบบเครือข่ายของผู้ให้บริการIT Network

ข้อดี

  • มีความแม่นยำในการเลือกเส้นทาง
  • สามารถรองรับเครือข่ายขนาดใหญ่ได้

ข้อเสีย

  • ซับซ้อนกว่าระบบ Distance Vector

3. Path-Vector Protocols

การทำงานของ Path-Vector Protocols

  • ใช้วิธีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทาง IT Network ทั้งหมดและส่งให้เราเตอร์อื่น ๆ
  • ใช้สำหรับเครือข่ายระหว่างองค์กร (Inter-Domain Routing)

ตัวอย่างโปรโตคอลที่ใช้

  • BGP (Border Gateway Protocol) ใช้ในอินเทอร์เน็ตเพื่อกำหนดเส้นทางระบบ IT ระหว่างองค์กรหรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

ข้อดี

  • รองรับเครือข่ายขนาดใหญ่และซับซ้อน
  • มีความยืดหยุ่นสูง

ข้อเสีย

  • ต้องใช้การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

วิธีเลือก Routing Protocols ให้เหมาะกับ Network สำหรับองค์กร

การเลือก Routing Protocols ที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการ วางระบบ Network ที่มีประสิทธิภาพ องค์กรควรพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้

ขนาดของเครือข่าย

 สำหรับองค์กรขนาดเล็กที่มีโครงสร้างเครือข่ายเรียบง่าย RIP (Routing Information Protocol) อาจเพียงพอ แต่สำหรับเครือข่ายขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงขึ้น OSPF (Open Shortest Path First) หรือ BGP (Border Gateway Protocol) เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า

ความซับซ้อนของเส้นทาง 

หากองค์กรมีหลายสาขาและต้องการเส้นทางที่เสถียรและปลอดภัย OSPF และ BGP จะช่วยให้การเลือกเส้นทางมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย OSPF เหมาะกับเครือข่ายภายในองค์กร ขณะที่ BGP เหมาะกับเครือข่ายIT Networkที่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแ ละผู้ให้บริการภายนอก

ความสามารถในการขยายตัว 

องค์กรที่ต้องการขยายเครือข่ายในอนาคตควรเลือกโปรโตคอลที่สามารถปรับขนาดได้ง่าย เช่น OSPF หรือ BGP ซึ่งสามารถรองรับการขยายตัวของเครือข่ายโดยไม่ทำให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ

การเลือก Routing Protocols ที่เหมาะสมจะช่วยให้ ระบบ IT Network ขององค์กรมีเสถียรภาพ รองรับการขยายตัวในอนาคต และสามารถจัดการเส้นทางการรับส่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

Routing Protocol ขนาดเครือข่าย ความซับซ้อน รองรับการขยายตัว
RIP เล็ก ต่ำ ต่ำ
OSPF กลาง-ใหญ่ สูง สูง
BGP ใหญ่ สูงมาก สูงมาก

 

Best Practices ในการใช้ Routing Protocols ในระบบ IT Network

การกำหนดค่าและบริหารจัดการ Routing Protocols อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการให้เครือข่ายมีเสถียรภาพ ปลอดภัย และรองรับการขยายตัวในอนาคต ต่อไปนี้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการ วางระบบ Network และใช้งาน Routing Protocols ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. การตั้งค่า Routing Protocols ให้มีประสิทธิภาพ

  • กำหนด Metric ที่เหมาะสม เช่น RIP ใช้ Hop Count, OSPF ใช้ Cost, BGP ใช้ Path Attributes เพื่อเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด
  • ปรับแต่ง Timer และ Convergence Time เพื่อลดความล่าช้าในการเปลี่ยนเส้นทางเมื่อเครือข่ายมีการเปลี่ยนแปลง

2. การออกแบบเครือข่ายให้รองรับ Network Redundancy

  • ใช้ Load Balancing เพื่อกระจายทราฟฟิก ลดความแออัดของเครือข่าย
  • ตั้งค่า Failover Mechanism เช่น HSRP, VRRP หรือ GLBP เพื่อให้เครือข่ายยังคงใช้งานได้แม้มีอุปกรณ์ล่ม

3. ใช้เครื่องมือมอนิเตอร์เครือข่าย

  • ใช้ Wireshark วิเคราะห์แพ็กเก็ตข้อมูล
  • ใช้ PRTG, SolarWinds ตรวจสอบเส้นทางและประสิทธิภาพของ Routing Protocols
  • กำหนด Alert & Logs เพื่อตรวจจับปัญหาก่อนเกิด Downtime

แนวทางเหล่านี้ช่วยให้ระบบ IT Network ขององค์กรมีเสถียรภาพ ปลอดภัย และพร้อมรองรับการขยายตัวในอนาคต

สรุป

Routing Protocols มีบทบาทสำคัญในการ วางระบบ Network สำหรับองค์กร ที่ต้องการความเสถียรและปลอดภัย การเลือกโปรโตคอลที่เหมาะสมกับ IT Network จะช่วยให้ระบบเครือข่ายทำงานได้อย่างราบรื่น ลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ และรองรับการขยายตัวในอนาคต หากองค์กรของคุณกำลังมองหาแนวทางในการ วางระบบ IT ที่เหมาะสม ควรศึกษาคุณสมบัติของแต่ละโปรโตคอลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

FAQ 

 Routing Protocols แตกต่างจาก Routed Protocols อย่างไร?

  •  Routing Protocols ใช้ในการกำหนดเส้นทาง ส่วน Routed Protocols ใช้ในการส่งข้อมูลไปยังปลายทาง เช่น TCP/IP

องค์กรขนาดเล็กควรใช้ Routing Protocols แบบไหน?

  • RIP หรือ OSPF อาจเป็นตัวเลือกที่ดี ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเครือข่าย

OSPF หรือ BGP เหมาะกับการวางระบบ Network ที่ต้องรองรับการขยายตัวในอนาคต?

  • BGP เหมาะสำหรับเครือข่ายที่ต้องรองรับการขยายตัวขนาดใหญ่ ส่วน OSPF เหมาะสำหรับองค์กรที่มีเครือข่ายภายในขนาดกลางถึงใหญ่

มีวิธีตรวจสอบว่าระบบ IT Network ขององค์กรกำลังใช้ Routing Protocols อะไรอยู่หรือไม่?

  •  สามารถใช้คำสั่ง show ip route บนเราเตอร์ หรือใช้ซอฟต์แวร์มอนิเตอร์เครือข่าย

ควรใช้ Static Routing หรือ Dynamic Routing ในองค์กรขนาดกลาง?

  • Dynamic Routing (เช่น OSPF) จะช่วยให้เครือข่ายสามารถปรับตัวได้อัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง

เฮลโลไพน์ (Hellopine) เราคือที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่ให้บริการโซลูชันไอทีครบวงจรสำหรับบ้านพักอาศัย สำนักงาน โรงงาน โรงแรม และ รีสอร์ต หากคุณต้องการคำแนะนำด้าน วางระบบ IT Network สำหรับองค์กร หรือบริการทางไอทีอื่น ๆ ติดต่อ Hellopine เพื่อรับคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ โทร 02-100-5073 หรือทางเว็บไซต์ www.hellopine.com