MFA หนึ่งในระบบ IT

MFA คืออะไร ช่วยป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณได้อย่างไร?

22 April 2025
Table of contents

ปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล กิจกรรมหลายอย่าง จะใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก ทำให้การป้องกันข้อมูลส่วนตัวของตนเองไม่ให้หลุดออกไปสู่โลกออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งการป้องกันภัยไซเบอร์มีเยอะมาก แต่ที่นิยมกัน คือ ระบบ MFA หนึ่งในระบบ IT ที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวโดยเฉพาะ แล้วจะมีความน่าสนใจอย่างไร ศึกษาได้ ที่นี่

MFA คืออะไร

MFA หรือที่เรียกว่า Multi-Factor Authentication เป็น IT Network รูปแบบหนึ่งที่ต้องยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย ทำให้แอ็กเคานต์ออนไลน์ของผู้ใช้งานทุกคนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซี่งระบบ IT ดังกล่าว จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก โดยแต่ละประเภท มีรายละเอียดต่อไปนี้

1. ปัจจัยที่ตนเองรู้ (Something You Know)

  • รหัสผ่าน (Password)
  • หมายเลขประจำตัวส่วนบุคคล (PIN)
  • คำตอบของคำถามรักษาความปลอดภัย

2. ปัจจัยที่ตนเองมี (Something You Have)

  • รหัส OTP (One-Time Password)
  • บัตรสมาร์ทการ์ด (Smart Card)
  • USB Security Key เช่น YubiKey

3. ปัจจัยที่เป็นของตนเอง (Something You Are)

  • ลายนิ้วมือ (Fingerprint)
  • การจดจำใบหน้า (Face Recognition)
  • การสแกนม่านตา (Iris Scan)

หลักการทำงานของ MFA

สำหรับหลักการทำงานของระบบ IT ดังกล่าว ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการป้องกันข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้ง่าย ๆ เพียงแค่ดำเนินการ ดังนี้

1. ลงทะเบียน

ผู้ใช้งานจะต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกของแอคเคาน์ออนไลน์หนึ่งก่อน แล้วการสมัคร IT Network จะมีแจ้งเตือนให้เชื่อมต่อข้อมูลส่วนตัว เช่น เบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมล โค้ดลับต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนนี้ จะเป็นขั้นตอนของ MFA แล้วนั่นเอง

2. การยืนยันข้อมูล

หลังจากที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้งานจะกลับไปเข้าแอ็กเคานต์ออนไลน์ที่ลงทะเบียนไว้ ในขั้นตอนการเข้าสู่ระบบ จะต้องใส่ข้อมูลส่วนตัว เพื่อยืนยันข้อมูล

3. การตอบรับ

หลังจากที่ใส่ข้อมูล MFA แล้วระบบ IT จะตอบรับกลับ ผ่านข้อความว่ายืนยันตนผ่าน แล้วหน้าจอก็จะแสดงข้อมูลต่าง ๆ ในสื่อออนไลน์ที่ผู้ใช้งานเข้าสู่ระบบไปนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าการวางระบบ IT ดังกล่าว ขั้นตอนการดำเนินงานไม่ได้ซับซ้อนหรือยุ่งยาก เพื่อป้องกันข้อมูลของตนเองหลุดออกไปสู่สาธารณชน แนะนำว่าควรใช้ระบบ MFA จะมีประโยชน์ต่อตนเองที่สุด

MFA หนึ่งในระบบ IT

ตัวอย่างการใช้งาน MFA ในชีวิตประจำวัน

การวางระบบ IT ดังกล่าว ปัจจุบันมีการใช้กันอย่างวแพร่หลายมาก ในชีวิตประจำวัน ผู้ใช้งานก็ได้สัมผัสกันเป็นประจำ แต่ผู้ใช้งานบางคน ใช้อยู่ แต่อาจจะไม่รู้ตัว ในหัวข้อนี้ จึงยกตัวอย่างการใช้งาน MFA มาบอกต่อ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

ล็อกอิน Gmail หรือ Facebook  โดยรูปแบบการทำงาน ได้แก่

  • ป้อนรหัสผ่าน
  • รับ OTP ทาง SMS
  • ป้อนรหัส OTP

เข้าสู่ระบบแอปธนาคาร จะเข้าสู่ระบบได้หลายรูปแบบ เช่น

  • ป้อนรหัส PIN
  •  ใช้ Face ID เพื่อยืนยันตัวตน

เข้าระบบองค์กร (VPN/Cloud Services) โดยรูปแบบการทำงาน ได้แก่

  • ป้อนรหัสผ่าน
  • กดยืนยันผ่านแอป Microsoft Authenticator เป็นต้น

ทำไม MFA ถึงสำคัญ

อาจจะมีผู้ใช้งานหลายคน มักจะคิดว่าการเข้าสู่แอ็กเคานต์ออนไลน์ มีเพียง User name และ Password แค่นั้นก็ปลอดภัยแล้ว ทว่าในความเป็นจริง ข้อมูลดังกล่าว ยังไม่ปลอดภัยมากพอ เพราะภัยไซเบอร์อันตรายมากกว่า จึงจำเป็นต้องมีระบบ IT ที่ชื่อว่า MFA ขึ้นมา เพราะเหตุผลต่อไปนี้

  1. ปกป้องจากการโจมตีด้วยรหัสผ่านที่ถูกขโมย
  2. ป้องกันจากการพยายามเข้าสู่ระบบที่ไม่ถูกต้อง
  3. ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ Phishing
  4. เพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับข้อมูลส่วนตัวและทรัพย์สินออนไลน์

วิธีสร้างระบบยืนยันตัวตน (MFA) ที่ปลอดภัย

ถึงแม้ว่าการวางระบบ IT ดังกล่าวจะมีความปลอดภัย แต่จะปลอดภัยมากที่สุด ถ้าผู้ใช้งานมีวิธีสร้างรหัสยืนยันตัวตนที่รัดกุม ครอบคลุม ซึ่งในหัวข้อนี้ วิธีสร้างรหัส MFA ที่ปลอดภัยมาบอกต่อ มีรายละเอียดต่อไปนี้

  1. เลือกประเภทของ MFA ที่ปลอดภัยที่สุด จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ การเลือกระบบ IT ดังกล่าวที่ปลอดภัยที่สุด คือ การกดยืนยันผ่านแอปพลิเคชัน
  2. ไม่ควรใช้ MFA ที่เกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์มือถือ เช่น การรับ SMS เพราะทุกวันนี้ แฮกเกอร์สามารถขโมยข้อมูลผ่านเครือข่ายมือถือได้ง่าย
  3. เปิดระบบ IT เอ็ม เอฟ เอ ทุกที่ ไม่ควรปิด เพราะไม่รู้ว่าจะพบสถานการณ์ฉุกเฉิน อุปกรณ์ถูกละเมิดตอนไหน ดังนั้นควรป้องกันตลอดเวลา
  4. สำรองรหัส MFA ในกรณีฉุกเฉินที่ลืมรหัส กู้รหัสคืนไม่ได้ต่าง ๆ นานา ผู้ใช้งานจะได้มีรหัสสำรอง ในการกู้ข้อมูล ลดความเสียหายลงได้มาก
  5. ใช้ Password Manager และเปิดการแจ้งเตือนเข้าสู่ระบบตลอดเวลา ถ้ามีคนพยายามเข้าแอคเค้าท์ IT Network ผู้ใช้งานก็จะรู้ตัวและป้องกันทันนั่นเอง

ข้อดีและข้อเสียของ MFA

การใช้ระบบ IT ช่วยป้องกันข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล แม้จะเป็นประโยชน์ แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อจำกัดของตนเอง อย่าง MFA นี้ มีข้อดีและข้อเสียที่ผู้ใช้ทุกคนควรทราบก่อน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

1. สรุปข้อดีของ MFA

  • เพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีออนไลน์ เช่น ถ้ามีบุคคลอื่น ขโมยรหัสผ่าน Facebook ไป แต่ผู้ใช้งาน ได้เปิดระบบ MFA ไว้ เมื่อบุคคลนั้นจะเข้าสู่ระบบบัญชีของผู้ใช้งาน ก็จะต้องส่งรหัส OTP มาที่เบอร์มือถือของผู้ใช้งาน หากไม่มีรหัสนี้ ก็ไม่สามารถเข้าสู่บัญชี Facebook ไป ได้นั่นเอง
  • ระบบ IT ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮก เพราะทุกวันนี้ มีแฮกเกอร์เยอะมาก หากการเข้าสู่แอ็กเคานต์ออนไลน์ของผู้ใช้งานมีการยืนยันตนหลายปัจจัย แฮกเกอร์ก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปแฮกระบบที่แฮกง่ายกว่านั่นเอง

2. สรุปข้อเสียของ MFA

  • อาจมีความยุ่งยากในการใช้งานบ้างเล็กน้อย เพราะในขั้นตอนการเปิดระบบ IT ดังกล่าว จะต้องกรอกข้อมูลและใส่ข้อมูลยืนยันตัวตนหลายรอบมาก ๆ ดังนั้นก่อนสมัคร ควรเตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อน
  • อาจต้องใช้อุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันเพิ่มเติม เช่น การยืนยันตน ด้วยการกดที่แอปพลิเคชันอื่น ทำให้ผู้ใช้งานจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นมาเพิ่มนั่นเอง ถึงจะวางระบบ IT ดังกล่าวได้สมบูรณ์

การใช้งาน MFA ซึ่งเป็นระบบ IT รูปแบบหนึ่ง

สรุป

การใช้งาน MFA ซึ่งเป็นระบบ IT รูปแบบหนึ่ง สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวของแอคเคาท์ออนไลน์ผู้ใช้งานถูกขโมยข้อมูล โดยการใช้งานระบบดังกล่าว จะให้ผู้ใช้งานเลือกยืนยันตัวตนหลายปัจจัย ทำให้เหล่าแฮกเกอร์คาดเดาได้ยาก ข้อมูลก็จะปลอดภัย ดังนั้นผู้ใช้งานที่มีแอ็กเคานต์ออนไลน์เยอะ ทุกบัญชีที่มีความสำคัญ ควรวางระบบ IT ดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากที่สุด

FAQ

1. MFA ป้องกันการถูกแฮกได้ 100% หรือไม่

  • MFA ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก แต่ไม่สามารถรับประกันได้ 100%

2. ควรใช้ MFA กับบัญชีใดบ้าง

  • บัญชีที่สำคัญ เช่น อีเมล, ธนาคารออนไลน์, โซเชียลมีเดีย

3. หากโทรศัพท์มือถือหาย จะยังสามารถเข้าถึงบัญชีที่ใช้ MFA ได้อย่างไร

  • ควรมีช่องทางสำรองในการยืนยันตัวตน เช่น อีเมลสำรอง หรือหมายเลขโทรศัพท์อื่น

4. MFA มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่

  • บางประเภทของ MFA อาจมีค่าใช้จ่าย แต่หลายประเภทก็ฟรี

5. จะเริ่มต้นใช้งาน MFA ได้อย่างไร?

  • ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของบัญชีออนไลน์ต่าง ๆ และทำตามคำแนะนำ

 

เฮลโหลไพน์ (Hellopine) บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่ให้บริการโซลูชันไอทีครบวงจรสำหรับองค์กรธุรกิจและสำนักงานต่างๆ เราออกแบบและวางโครงสร้างระบบ IT ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ติดต่อ Hellopine เพื่อรับคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ โทร 02-100-5073 หรือทางเว็บไซต์ www.hellopine.com